City of London เป็นพื้นที่บริเวณตอนกลางของกรุงลอนดอน พื้นที่นี้ในอดีตเป็นหัวใจสำคัญของลอนดอน บางครั้งเรียกย่อ ๆ ว่า Square Mile (สแควร์ไมล์) เนื่องจากในเขตนี้จะมีพื้นที่เท่ากับประมาณหนึ่งตารางไมล์ ในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของการค้าขาย ธุรกิจ การลงทุนและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ (Center of Financial and Historic District) ของนครลอนดอน พื้นที่นี้ปกครองโดย City of London Corporation
City of London ครอบคลุมพื้นที่บริเวณด้านทิศเหนือของแม่น้ำเทมส์ มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ตลอดจนอาคารในยุคปัจจุบันที่เด่นๆมากมาย เช่น มหาวิหารเซนต์พอล (St.Paul’s Cathedral), Tower of London, สะพานทาวเวอร์บริดจ์ (Tower Bridge), อาคาร Sky Garden, พิพิธภัณฑ์ Museum of London ฯลฯ
เราเริ่มต้นที่ เทตมอเดิร์น (Tate Modern) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ (หอศิลป์) แห่งชาติของอังกฤษ อาคารที่ใช้อยู่ในอดีตเคยเป็นสถานีผลิตไฟฟ้ามาก่อน ปัจจุบันเทตมอเดิร์นเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เเละเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงลอนดอนที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดแห่งหนึ่ง
สะพานมิลเลนเนียม (Millennium Bridge) เป็นสะพานแขวนโครงสร้างเหล็กรูปทรงทันสมัย อยู่ถัดจาก Tate Modern เป็นสะพานสำหรับคนเดินที่สร้างข้ามแม่น้ำเทมส์ มีความกว้าง 4 เมตร ยาว 370 เมตร เชื่อมต่อพื้นที่เขต Bankside กับเขต City of London สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1998 และเปิดใช้งานเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 2000 ด้านทิศใต้ของสะพานอยู่ใกล้กับหอศิลป์ Tate Modern ด้านทิศเหนือของสะพานเชื่อมต่อกับ City of London School และมหาวิหารเซนต์พอล จากบริเวณสะพานสามารถเห็นทิวทัศน์ด้านหน้าของมหาวิหารเซนต์พอลได้อย่างชัดเจน
City of London School หรือที่เรียกว่า CLS เป็นโรงเรียนสอนเด็กชาย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ถัดจาก Millennium Bridge ตรงข้ามกับ Tate Modern
มหาวิหารเซนต์พอล (St.Paul’s Cathedral) เป็นอาสนวิหารของคริสตจักรแห่งอังกฤษ และเป็นโบสถ์ประจำตำแหน่งของบิชอปแห่งลอนดอน อาสนวิหารที่เห็นในปัจจุบันสร้างเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 17 และเชื่อกันว่าเป็นอาสนวิหารที่ 5 ตั้งแต่สร้างอาสนวิหารกันมา ณ ที่ตั้งนี้
ตามประวัติ มหาวิหารเเห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.604 โดยอาคารหลังเเรกๆสร้างด้วยไม้เเละถูกไฟไหม้เผาทำลายไปหลายครั้ง ในปี ค.ศ.1087 มีการสร้างอาคารวิหารหลังใหญ่สไตล์กอธิคและใช้งานมาได้อีกกว่า 600 ปี ก่อนถูกเผาวอดวายอีกในเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ของกรุงลอนดอนในปี ค.ศ.1666 อาคารที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในสไตล์บารอคอิตาลีที่มีโดมใหญ่โดดเด่นสวยงามและเปิดใช้งานในปี ค.ศ.1697
ที่บริเวณด้านหน้าของวิหารฯ มีรูปปั้น อนุสรณ์ของพนักงานดับเพลิง (The National Firefighters Memorial) เพื่อระลึกถึงพนักงานดับเพลิงชายหญิงที่เสียชีวิตไประหว่างปฎิบัติหน้าที่ในช่วงเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2
Virtual Tour ความสวยงามและยิ่งใหญ่ภายในมหาวิหารเซนต์พอล
Temple Bar: คือซุ้มประตูที่สร้างไว้เป็นทางเข้าสู่เขตซิตี้อ๊อฟลอนดอนโดย Sir Christopher Wren ในอดีตระหว่างปี ค.ศ.1669-1672 มีทั้งหมด 8 แห่ง ซุ้มประตูนี้ถูกย้ายมาตั้งที่บริเวณทางเข้าสู่จตุรัส Paternoster Square เมื่อปี ค.ศ. 2004
Paternoster Square อยู่ด้านทิศเหนือของมหาวิหารเซนต์พอล เป็นจตุรัสซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอาคารสำนักงานและศูนย์กลางธุรกิจ เป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (London Stock Exchange) ธนาคาร สถาบันการเงิน ตลอดจนร้านค้า ร้านอาหาร ที่ใจกลางลานจตุรัส มีเสา Paternoster Column ตั้งเด่นอยู่
จากมหาวิหารเซนต์พอล เรานั่งรถไฟใต้ดินไป 2 สถานี เพื่อไปลองลิ้มชิมอาหารเมนูชื่อดังของลอนดอน ร้าน Duck & Waffle ที่ตึก 110 Bishopsgate (Heron Tower)
Duck & Waffle เป็นร้านอาหารชื่อดังของลอนดอน เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน เมนูที่ขึ้นชื่อคือวาฟเฟิลทานคู่กับเป็ดกรอบและไข่ดาว (ตามชื่อร้าน ^^) ขายดิบขายดีเป็นที่นิยมกันถึงขนาดต้องจองคิวล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์กันเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูอาหาร อื่นๆอีกด้วย
จุดเด่นของร้านนี้นอกจากวาฟเฟิลแล้ว ก็คือวิวจากมุมสูงอันสวยงามของกรุงลอนดอน เนื่องจากร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 40 ของตึกและอยู่ในทำเลที่สามารถมองเห็นวิวของเเม่น้ำเทมส์และ Tower of London, Tower Bridge, ฯลฯ ได้อย่างชัดเจน จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว (รวมไปถึงชาวไทย) ตลอดจนคนท้องถิ่นเอง
(รีวิวฉบับเต็ม: กิน Duck & Waffle แกล้มวิวกรุงลอนดอน)
Leadenhall Market: ตั้งอยู่ที่ถนน Gracechurch Street ไม่ไกลจากร้าน Duck & Waffle ในอดีตเมื่อกว่า 700 ปีก่อน (ค.ศ.1321) เคยเป็นตลาดขายของสดจำพวกเนื้อสัตว์ ผัก ชีส ฯลฯ ในปี ค.ศ.1881 ได้มีการปรับปรุงสถาปัตยกรรมภายในโซนตลาด พร้อมทั้งสร้างหลังคาแก้วคลุม ทาสีร้านให้สดใส และปูพื้นถนนด้วยหินอย่างสวยงาม จนกระทั่งช่วงท้ายๆของศตวรรษที่ 20 ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นร้านอาหารและช็อปต่างๆอย่างทุกวันนี้ ด้วยบรรยากาศที่ดูราวกับย้อนไปอยู่ในยุควิคตอเรียน ที่นี่จึงถูกใช้เป็นโลเคชั่นถ่ายหนังดังหลายเรื่อง เช่น Harry Potter (ภาคเเรก) และ The Imagination of Doctor Parnassus
Tower of London: หอคอยเเห่งลอนดอนสร้างโดยพระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 1 แห่งอังกฤษ (William the Conqueor) เมื่อกว่า 900 ปีที่ผ่านมาเพื่อใช้เป็นป้อมปราการเเละพระราชวังของพระองค์ ในช่วงยุคกลาง บรรดากษัตริย์อังกฤษได้ทุ่มเทให้กับการต่อเติมและขยายหอคอยจนยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบเหมือนที่เห็นในทุกวันนี้
บทบาทของหอคอยแห่งลอนดอนในอดีต นอกจากจะเป็นที่พำนักของราชวงศ์อังกฤษและเป็นป้อมปราการแล้ว ยังเคยถูกใช้เป็นโรงกษาปณ์ คลังเก็บอาวุธ หอดูดาว รวมทั้งเป็นสวนสัตว์ที่กษัตริย์อังกฤษได้รับเป็นของขวัญจากประเทศอื่นๆมานานกว่า 600 ปี แต่บทบาทที่ชาวโลกจดจำได้ดีที่สุดคือ การเป็นคุกแสนโหดร้ายและลานประหารเหล่าบรรดาราชวงศ์และนักโทษทางการเมืองนั่นเอง
Wharfinger Cottage: เป็นอาคารที่มีอายุกว่า 200 ปีที่ยังได้รับการอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี อดีตเคยถูกใช้เป็นที่พักของผู้ดูเเลท่าเรือขนถ่ายสินค้า (Controller of the Tower Wharf – “Wharfinger”)
บริเวณริมน้ำมีท่าเทียบเรือท่องเที่ยวที่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวตลอดทั้งวัน อีกทั้งเป็นจุดชมวิวชั้นดีของ สะพานทาวเวอร์บริจด์ (Tower Bridge) และ London City Hall ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
สะพานทาวเวอร์บริจด์ (Tower Bridge) สะพานที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของกรุงลอนดอนแห่งนี้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นสะพานที่สวยงามที่สุดเเห่งหนึ่งของโลก เป็นทั้งสะพานยกและสะพานแขวนที่มีหอคอยคู่ตั้งเด่นเป็นสง่ากลางแม่น้ำทมส์ ตอนที่เปิดใช้ในปี ค.ศ.1894 เวลาที่จะยกสะพานเพื่อให้เรือบรรทุกเเล่นผ่าน ผู้คนที่ต้องการเดินข้ามแม่น้ำต้องปีนหอคอยแล้วใข้ทางเดินคู่ขนานด้านบนที่เชื่อมหอคอยทั้งสองแทน ก่อนที่จะปิดการใช้งานลงในปี ค.ศ.1910
ในปัจจุบันหอคอยและทางเดินคู่ขนานด้านบนได้กลายเป็นส่วนจัดเเสดงนิทรรศการ Tower Bridge Exhibition ที่เปิดให้ชมประวัติความเป็นมาของสะพาน การออกแบบ และการก่อสร้าง ฯลฯ แทน
The Queen’s Stairs: ในอดีตเป็นบันไดท่าน้ำสำหรับแขกพิเศษในการขึ้นจากเรือเเละเดินไปยังหอคอยแห่งลอนดอน
Tower Bridge Coppa Club: ร้านอาหารชื่อดังที่อยู่ในบริเวณริมน้ำ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ลอนดอน City Sightseeing – Southwark & South Bank