อาซากุสะ (Asakusa) คือย่านที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติทุกคนรู้จัก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว บางคนเลือกพักในย่านนี้ด้วยเนื่องจากใกล้กับแหล่งท่องเที่ยว ที่พัก-อาหารมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับย่านอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้ซึมซับกับบรรยากาศ ศิลปะและวัฒนธรรมของความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมที่หลงเหลือและหาได้ไม่ยากในย่านนี้
เราใช้เวลาในเช้าวันหนึ่ง เริ่มต้นที่ ศูนย์วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวอาซากุสะ (Asakusa Culture and Tourism Center) อาคารทรงสูงทันสมัยที่ประดับตกเเต่งด้วยระแนงไม้แนวตั้งซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) ที่นี่เป็นศูนย์ข้อมูลและบริการนักท่องเที่ยวที่เปิดดำเนินการโดยเขตไทโตะ (Taito District) มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อนักท่องเที่ยวมากมาย
เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับเค้าท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ มีเจ้าหน้าที่ที่สามารถสื่อสารกับนักท่องเที่ยวได้ 4 ภาษา (ภาษาญี่ปุ่น, อังกฤษ, จีน และเกาหลี) คอยตอบคำถามและให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มีแผ่นพับข้อมูลท่องเที่ยว แผนที่ ฯลฯ ไว้ให้เลือกหยิบ นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้บริการห้องน้ำชาย-หญิงที่สะอาดสะอ้านได้ที่ชั้นใต้ดิน
แต่ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ทราบก็คือ ที่ชั้น 8 ยังมีระเบียงชมวิว Outlook Terrace อันเป็นสถานที่นั่งพักผ่อนชมวิวทัวทัศน์มุมสูงที่สวยงามของอาซากุสะได้โดยไม่เสียค่าบริการ เราสามารถมองเห็นวิวของวัดเซ็นโซจิและโตเกียวสกายทรีได้ชัดเจนอย่างที่นักท่องเที่ยวอีกหลายคนไม่มีโอกาสได้เห็น..
ใช้เวลาที่ลานชมวิวจนพอแล้ว เราจึงข้ามถนนมายังประตูทางเข้าด้านหน้าของวัดเซ็นโซจิ จุดเด่นและเอกลักษณ์อันมีชื่อเสียงที่นักท่องเที่ยวรู้จักเเละต้องมาชม+ถ่ายรูปกัน (จนทำให้บริเวณนี้เเน่นขนัดไปหมด) ก็คือประตูทางเข้าวัดสีเเดงที่มีขนาดใหญ่ เรียกว่า คามินาริมง (Kaminari-mon) หรือ ประตูอสุนี (Thunder Gate ) บนคานประตูแขวนโคมกระดาษขนาดใหญ่สีเเดง มีความสูงกว่า 5.5 เมตร ที่มีรูปสายฟ้าและเมฆเขียนด้วยสีดำและแดง
เลยจากซุ้มประตูคามินาริมงไปจะเป็น ถนนนากามิเซะ (Nakamise dori) ถนนเส้นนี้ทอดยาวไปจนถึงประตูโฮโซมอน มีความยาวประมาณ 300 เมตร เป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายขนม ของฝาก ของที่ระลึกต่างๆ อันเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่
สาวๆชาวญี่ปุ่นมักจะนิยมแต่งชุดกิโมโนเต็มยศมาเดินเที่ยวด้วย
ก่อนที่จะเข้าถึงตัววัดจะมี ซุ้มประตูโฮโซมอน (Hozomon) ที่ประตูนี้นอกจากจะมีโคมไฟสีแดง และยักษ์เฝ้าประตูแล้ว ยังมีโคมไฟสีทองอีก 2 โคม
วัดเซ็นโซจิ (浅草寺, Sensoji) เป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว มีประวัติความเป็นมาว่า เมื่อ ค.ศ. 628 มี 2 พี่น้องชาวประมง พบองค์เจ้าแม่กวนอิม (Kannon) ขนาดเล็กที่แม่น้ำซูมิดะ (Sumida River) ในย่านอาซาคุซะ และได้นำกลับมายังหมู่บ้าน ต่อมาหัวหน้าหมู่บ้านนี้ก็ได้ดัดแปลงบ้านของตนให้กลายเป็นวัดขนาดเล็ก เป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์เพื่อให้คนในหมู่บ้านมากราบไหว้บูชา ชื่อเสียงในความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าแม่กวนอิมนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วญี่ปุ่น จนล่ำลือไปถึงหูของโชกุน ท่านจึงให้มีการสร้างอาคารหลังใหญ่ขึ้นในปี ค.ศ. 645 และต่อเติมส่วนต่าง ๆ เรื่อยมาจนเป็นวัดเซ็นโซจิที่เห็นในปัจจุบัน
ออกจากวัดเซ็นโซจิ ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี เราเจอร้านอาหารรสชาติดีราคาย่อมเยาว์ ตั้งอยู่ใกล้กับ Asakusa Culture and Tourism Center (จากวัดเซ็นโซจิ ข้ามถนนแล้วเดินไปทางซ้ายมือ) ใครมีโอกาสอย่าลืมแวะไปลองชิม^^
เสร็จจากมื้อเที่ยงอันแสนอร่อย เราเดินมุ่งหน้าไปยัง สวนสุมิดะ (Sumida Park) ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำสุมิดะ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกเเห่งหนึ่งของอาซากุสะ โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลดอกซากุระบานอย่างตอนนี้
จากริมแม่น้ำสุมิดะ จะมองเห็นอาคารสีทองรูปทรงแปลกตา และหอคอยโตเกียวสกายทรี ตั้งโดดเด่นอยู่ไกลๆ
อาคารสีทองนี้คือ อาซาฮิเบียร์ทาวเวอร์ (Asahi Beer Tower) เป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทเบียร์อาซาฮีอันโด่งดังของญี่ปุ่น สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1989 ตึกนี้ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศสชื่อ Philippe Starck รูปลักษณ์ด้านนอกคล้ายกับแก้วเบียร์ที่มีฟองเบียร์อยู่ด้านบน
ส่วนอาคารที่อยู่ติดกัน คือ Asahi Super Dry Hall เป็นอาคารที่มีทางเชื่อมกับตึก Asahi Beer Tower จุดเด่นของอาคารนี้คือ Flamme d’Or” หรือ เปลวไฟสีทอง (Golden Flame) ซึ่งสื่อความหมายถึงจิตวิญญาณและความมุ่งมั่นของบริษัทอาซาฮี
โตเกียวสกายทรี (東京スカイツリー; Tokyo Skytree) ปัจจุบันเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงถึงยอด 634 เมตร Tembo Galleria ที่ความสูงเหนือพื้นดิน 450 เมตร ทำให้เห็นทัศนียภาพทั้งหมดของภูมิภาคคันโตหรือแม้แต่ภูเขาไฟฟูจิในระยะไกลได้ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ในตอนกลางคืน หอคอยจะส่องสว่างไปด้วยแสงไฟสีฟ้าอ่อน “อิกิ” และสีม่วง “มิยะบิ” สลับกันไปมา เป็นแลนด์มาร์คสำคัญและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของโตเกียว
ในปัจจุบัน โตเกียวทาวเวอร์ (สูง 333 เมตร) มีความสูงไม่พอที่จะส่งสัญญาณคลื่นโทรทัศน์แบบดิจิตอลให้ครอบคลุม เนื่องจากมีอาคารและตึกสูงจำนวนมากสร้างขึ้นบังสัญญาณบริเวณใจกลางเมือง จึงมีโครงการก่อสร้างโตเกียวสกายทรีขึ้น นำโดยบริษัท โทบุเรลเวย์ จำกัด ซึ่งเริ่มก่อสร้างในวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 แล้วเสร็จในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 และเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 พฤษภาคม ปีเดียวกัน
แม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านใจกลางกรุงโตเกียว ในเขตอาซากุสะจะมีทางเดินเลียบแม่น้ำเป็นระยะทางยาว สามารถมองเห็นหอคอยโตเกียวสกายทรีได้อย่างชัดเจน มี สวนสาธารณะซุมิดะ (Sumida Park) อันเป็นจุดชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียง บริเวณใกล้เคียงยังเป็นจุดจอดเรือหลังคากระจก (Water Bus Station) ที่ให้บริการเรือท่องเที่ยวในเส้นทางจาก Asakusa – Odaiba อีกด้วย
สวนสาธารณะซุมิดะ (Sumida Park) เป็นสวนสาธารณะขนาดเล็ก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซุมิดะ (Sumida River) ติดกับทางรถไฟสาย Tobu Skytree Line ไม่ไกลจากวัดเซ็นโซจิ นักท่องเที่ยวที่มาไหว้พระที่วัดเซ็นโซจิ มักจะเดินมาเที่ยวต่อที่สวนสาธารณะซุมิดะเสมอ
ในช่วงที่ดอกซากุระบาน (ประมาณเดือนเมษายน) สวนซุมิดะจะสะพรั่งไปด้วยสีขาวอมชมพูของดอกซากุระ มีนักท่องเที่ยวตลอดจนคนญี่ปุ่นมาเที่ยวชมกันอย่างมากมาย
บรรยากาศอันคึกคัก สดใสของสวนซุมิดะในวันที่ซากุระบาน
จุดเด่นของที่นี่คือไม่ว่าจะอยู่มุมไหน จะมองเห็นหอคอยโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) ผ่านแม่น้ำสุมิดะ ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่เสมอ
เราสามารถใช้สะพานอะซุมะบาชิ (Azuma-bashi Bridge) เพื่อเดินข้ามไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำ อันถือเป็นส่วนหนึ่งของสวนสาธารณะซุมิดะเช่นกัน มีทางเดินเลียบแม่น้ำและซากุระให้ชมมากมาย
การท่องเที่ยวในย่านอาซากุสะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่สร้างความประทับใจสำหรับการมาเยือนประเทศญี่ปุ่น แม้เเต่คนที่เคยไปมาแล้ว ก็ยังคงกลับไปไหว้พระที่วัดเซ็นโซจิอีกทุกครั้งเพื่อเป็นสิริมงคลเมื่อมีโอกาส.. \O_O/
แชร์เรื่องนี้:
Leave a reply