เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St.Peterburg) คือเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของรัสเซียรองจากมอสโคว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ บริเวณปากแม่น้ำเนวา และมีทางออกสู่ทะเลบอลติกทางปากอ่าวฟินเเลนด์ เมืองนี้ได้ถูกขนานนามว่างามดุจดั่งราชินีแห่งยุโรป สวยติดอันดับหนึ่งในสิบเมืองที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก มีสถาปัตยกรรมที่งดงาม บรรยากาศคลาสสิก และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกของยูเนสโก (Unesco) อีกด้วย
เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1703 โดยพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช และได้เป็นเมืองหลวงของรัสเซียอยู่กว่า 200 ปี ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงกลับไปที่มอสโควตามเดิมในปี ค.ศ.1918
ถ้าเปรียบเทียบกับมอสโคว การเดินทางท่องเที่ยวในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กจะค่อนข้างสะดวกสบาย เนื่องจากมีการใช้ภาษาอังกฤษอย่างเเพร่หลายกว่าในเมืองมอสโคว ทั้งป้ายของร้านค้า ป้ายจราจร และรถไฟใต้ดิน ฯลฯ สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองส่วนใหญ่ก็ตั้งอยู่ไม่ห่างกันนัก สามารถเดินเที่ยวได้อย่างสะดวก ที่พักในบริเวณ ถนนเนฟกี้ ปรัสเปคต์ (Navsky Prospekt) เป็นถนนชื่อดังที่สุดของเมือง มีสถาปัตยกรรมมากมายที่น่าสนใจตั้งอยูตลอดความยาวประมาณ 4.5 กิโลเมตรของถนน รวมไปถึงโรงเเรมที่พัก ร้านอาหาร แหล่งช็อบปิ้งต่างๆ
เราจะใช้เวลาหนึ่งวัน เดินเที่ยวเเลนด์มาร์คสำคัญๆของเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยไม่ต้องใช้รถโดยสารเเต่อย่างใด มาตามเราไปเที่ยวกัน…^^
เริ่มต้นกันที่ Palace Square (Dvortsovaya Ploschad) เป็นลานจตุรัสขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ตรงปลายถนน Navsky Pospekt ด้านทิศตะวันตก ที่กลางลานมี เสาหินอเล็กซานเดอร์ (Alexander Column) อันเป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กตั้งตระหง่านอยู่
เสาหินอเล็กซานเดอร์ เป็นอนุสรณ์ที่ซาร์นิโคลัสที่ 1 สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1829-1834 เพื่อระลึกถึงชัยชนะในสงครามที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 สามารถมีชัยชนะในสงครามเหนือนโปเลียนแห่งฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1812 Alexander Column มีความสูง 47.5 เมตร หนัก 500 ตัน ทำจากหินเเกรนิตเเท่งเดียวที่นำมาจากทิศเหนือของอ่าวฟินเเลนด์ ปลายเสาเป็นรูปนางฟ้าถือไม้กางเขน
ด้านหลังของเสาหินจะมีอาคารโค้งทอดยาวทรงนีโอคลาสสิกสวยงาม มีซุ้มประตูที่เรียกว่า The Triumph Arch ด้านบนตกแต่งด้วยรถม้าชัยและรูปปั้นนักรบ (Chariot of Victory) อาคารสีเหลืองทั้ง 2 ข้างคือ General Staff Building ปัจจุบันมีหน่วยงานของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการคลังมาใช้เป็นที่ทำงาน
อีกด้านหนึ่งของจตุรัสเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์มรดกแห่งชาติรัสเซีย (State Hermitage Museum) หรือ Winter Palace ที่นี่เป็นสถานที่จัดเเสดงผลงานศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่และเก่าเเก่ที่สุดในโลก ตามข้อมูลพบว่ามีห้องอยู่มากถึง 1,050 ห้อง มีจำนวนศิลปวัตถุที่อยู่ในการดูเเลมากถึง 3 ล้านชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาพเขียน ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีคอลเลคชั่นภาพเขียนที่มากที่สุดในโลก
จาก Palace Square เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม จะพบกับ Admiralty Building แต่เดิมในสมัยพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช สถานที่แห่งนี้ใช้เป็นอู่ต่อเรือ ปัจจุบันใช้เป็นอาคารที่บัญชาการกองทัพเรือของรัสเซีย (Headquarters of Russia Navy) ด้านหน้ามีสวนสาธารณะขนาดกะทัดรัดเเต่ร่มรื่น สามารถเดินไปยังมหาวิหาร St. Isaac ที่อยู่ไม่ไกลได้
ตึกบัญชาการฐานทัพเรือ (Admiralty) สร้างในปี ค.ศ. 1704 โดย พระเจ้าปีเตอร์มหาราช มีลักษณะเป็นป้อมปราการและอ
มหาวิหารเซนต์ไอเเสค (Saint Isaac’s Cathedral) เป็นมหาวิหารในนิกายรัสเซียนออร์โธดอกซ์ที่มีขนาดใหญ่เป็นที่ 4 ของโลก รองจากมหาวิหาร St. Peter ในโรม, มหาวิหาร St. Paul ในลอนดอน, และมหาวิหาร Santa Maria del Fiore ในฟลอเรนซ์ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1818 แล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1858
โดมทองอันสง่างามมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 25.8 เมตรเป็นหนึ่งในมหาวิหารที่สวยที่สุดของรัสเซียสร้างในสมัยพระเจ้าซาร์ อเล็กซานเดอร์ที่ 1 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ภายในประดับประดาด้วยปฏิมากรรมบอร์นและภาพวาดกว่า 400 ชิ้น ยอดโดมมีความสูง 101.5 เมตร ด้านนอกหุ้มด้วยแผ่นทองคำแท้ ภายในตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรม ฐานโดยรอบมีรูปปั้นนางฟ้า 12 องค์อยู่รอบฐานมหาวิหาร
ที่ลานจตุรัสเซนต์ไอแสค ด้านหน้าของมหาวิหารฯ มีรูปปั้น อนุสาวรีย์พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 (Tars Nicholus 1) ตั้งอยู่ เป็นงานออกเเบบที่มีการคำนวนทางวิศวกรรมมาเป็นอย่างดี โดยกำหนดให้น้ำหนักของรูปปั้นลงที่ขาหลังของม้า 2 ข้างเพียงอย่างเดียว ฐานของอนุสาวรีย์ทำด้วยหินเเกรนิต หินอ่อน และหิน Porphyry ที่มีราคาแพง ส่วนรูปปั้นทั้งสี่มุมหมายถ
จากลานจตุรัส St. Isaac Cathedral เดินชมวิวไปตามถนนเนฟสกี้ประมาณหนึ่งกิโลเมตร จะถึง มหาวิหารคาซาน (Kazan Cathedral) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในโบสถ์ที่ใหญ่เเห
มหาวิหารแห่งนี้สร้างในแบบศ
จากมหาวิหารคาซาน ข้ามถนนเนฟกี้ไปฝั่งตรงข้าม แล้วเดินเลียบคลองไปเรื่อยๆ ประมาณ 600 เมตร จะเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญอีกเเห่งหนึ่งของเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก นั่นคือ โบสถ์แห่งหยดเลือด หรือ Church of the Savior on Spilled Blood
โบสถ์แห่งหยดเลือด หรือ Church of the Savior on Spilled Blood ถูกสร้างขึ้นบนจุดที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ถูกลอบทำร้ายด้วยระเบิดเมื่อเดือนมีนาคมปี ค.ศ.1881 ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และภายหลังได้สิ้นพระชนม์ชีพที่พระราชวังฤดูหนาว (Winter Palace) หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ผู้ซึ่งเป็นลูกชายต้องการให้สร้างแท่นบูชาตรงกับจุดที่พระราชบิดาของพระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ จึงได้มีการให้ถมที่บนคลอง Griboedov เพื่อที่สามารถที่จะสร้างกำแพงโบสถ์ล้อมรอบแท่นบูชานั้นได้ ลวดลายที่ถูกประดับตกแต่งอย่างงดงามภายในโบสถ์แห่งนี้ถูกตกแต่งด้วยฝีมือจิตรกรกว่า 30 คน โดยใช้กระเบื้องโมเสคอย่างสวยงามในสไตล์ Romantic Nationalism ซึ่งแตกต่างจากโบสถ์อื่นๆในนครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งมักจะถูกตกแต่งในสไตล์บาโรค (Baroque) และนีโอคลาสสิค (Neoclassic) โบสถ์แห่งนี้ถูกประดับประดาด้วยกระเบื้องโมเสคครอบคลุมพื้นที่ถึง 7,500 ตารางเมตร
ไฮไลต์การมาเยือน St. Petersburg สำหรับนักท่องเที่ยวทุกคนก็คือการได้มาเยี่ยมชมโบสถ์แห่งหยดเลือดเพียงสักครั้งในชีวิต แต่วันนี้ (และคงอีกนานเป็นปี) โบสถ์ฯ กำลังอยู่ในโหมดของการซ่อมบูรณะ ภาพสวยงามในจินตนาการจึงได้เเต่เพียงภาพนี้ …
Trinity Cathedral: ตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ของเมือง ใกล้กับเเม่น้ำ Fontanka สร้างในปี ค.ศ.1828-1835 ในสไตล์ Empire จากคำสั่งของพระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่หนึ่ง มี 5 โดมสีฟ้าประดับด้วยดาวทองเป
ที่นี่เคยถูกใช้เป็นหอสวดของหน่วย
Column of Glory: ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของโบสถ
บริเวณด้านข้างของโบสถ์ Trinity มีตลาดขายสินค้าจำพวกเสื้อผ้า หมวก รองเท้า ของที่ระลึก ฯลฯ ในราคาไม่เเพง
ที่ฝั่งตรงข้ามกับโบสถ์เป็นมอลล์ขนาดย่อมๆ มีร้านอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด (KFC, Mc Donald) สามารถไปนั่งพักหรือทานได้…
เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กยังมีเเหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม โบราณสถาน หรือโบสถ์ต่างๆ ให้เราได้เลือกเที่ยวชมได้อย่างจุใจ
พรุ่งนี้เราจะออกนอกเมืองเพื่อไปเที่ยวพระราชวังปีเตอร์ฮอฟ (Peterhof Palace) กัน… \O_O/