วันสุดท้าย โปรแกรมของเราคือไปไหว้เจดีย์กลางน้ำที่สิเรียม และเก็บตกสถานที่รอบๆเมืองย่างกุ้ง ก่อนมุ่งหน้าไปสนามบินในตอนเย็น
ตันลยิน (Thanlyin) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า สิเรียม (Syriam) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของเเม่น้ำหงสาวดีในบริเวณที่ไหลมาบรรจบกันกับแม่น้ำย่างก้ง (ก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเล) อยู่ห่างจากเมืองย่างกุ้งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 45 กิโลเมตร ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าสำคัญที่ดำเนินการโดยชาวโปรตุเกส แต่ภายหลังจากอังกฤษได้เข้ายึดครองพม่าและย้ายเมืองหลวงไปอยู่ย่างกุ้ง ที่นี่ก็ลดความสำคัญลงเป็นเพียงแหล่งปลูกข้าวและอุตสาหกรรม
จากเมืองย่างกุ้ง ข้ามแม่น้ำหงสาวดี (Bago River) ก็จะเริ่มเข้าเขตเมืองสิเรียม
แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของที่นี่คือ เจดีย์กลางน้ำเจ๊าตันเยเล (Kyauktan Yele Pagoda) ที่สร้างโดยคหบดีชาวมอญเมื่อกว่าพันปีที่แล้ว เชื่อกันว่าถ้าได้มีโอกาสมาไหว้ขอพรที่นี่แล้วจะทำให้กิจการค้าเจริญรุ่งเรือง
เจดีย์เจ๊าตันเยเลตั้งอยู่บนเกาะกลางลำน้ำสายเล็กๆที่ไหลจากทางเหนือลงสู่เเม่น้ำย่างกุ้ง เล่ากันว่าคหบดีผู้สร้างได้อธิฐานไว้ว่า ถ้าน้ำท่วมก็อย่าให้ท่วมถึงองค์เจดีย์ และถ้ามีคนมากราบไหว้มากเท่าไรก็ขอให้มีที่ว่างพอ
การไปถึงเจดีย์ฯ ต้องข้ามเรือจากฝั่งตรงข้ามซึ่งใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีเท่านั้น ค่าเช่าเรือสำหรับนักท่องเที่ยว ราคาลำละ 5,000 จ๊าด
เรือข้ามฟากสำหรับคนท้องถิ่น เป็นเรือหางยาว ค่าโดยสารคนละ 100 จ๊าด
เรือสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ราคา 5,000 จ๊าดต่อลำ (รวมไป-กลับ)
ท่าขึ้น-ลงเรือด้านฝั่งเจดีย์ฯ
นักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้สิทธิพิเศษในการเสียค่าเข้าคนละ 2,000 จ๊าด^^
วันที่เราไปนั้นเป็นวันหยุดราชการ มีหนุ่มสาวชาวพม่าเเต่งตัวสวยงามพากันมาเที่ยวมากมาย
ในวิหารที่สร้างยื่นออกไปอีกด้านหนึ่ง เป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นพระอุปคุต ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธากันมาก
คุณไคน์บอกว่า ชาวพม่านิยมมากราบไหว้ขอพร เสร็จแล้วมานั่งล้อมวงทานอาหารกันเป็นประเพณีนิยม
เจดีย์ Kyite Pya Tha Ta Naw Pagoda ฝั่งตรงข้ามใกล้กับจุดลงเรือ
ในเส้นทางกลับสู่เมืองย่างกุ้ง คุณไคน์พาเเวะทานอาหารกลางวันแบบพม่าเเท้ๆ แกบอกว่าร้านนี้เป็นร้านดังที่มีชื่อเสียงมากในหมู่คนท้องถิ่น (สังเกตได้จากบรรยากาศที่คึกคักในร้าน)
ต่อด้วยขนมหวานชื่อดังอีกร้าน
เจดีย์ชเวตอเมียต (Swe Taw Myat Pagoda) คนไทยมักเรียกว่า เจดีย์พระเขี้ยวแก้วจุฬามณี เป็นเจดีย์แปดเหลี่ยมทรงปราสาท ภายในประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วจำลอง
เกร็ดความรู้ (ที่มา: วิกิพีเดีย)
**พระเขี้ยวแก้ว คือฟันในส่วนที่เป็นเขี้ยวของพระโคดมพุทธเจ้า ซึ่งมีทั้งหมด 4 ชิ้น สองชิ้นประดิษฐาน ณ พระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และที่ภพพญานาค อีก 2 ชิ้นประดิษฐานอยู่ที่ประเทศศรีลังกาและจีน พระเขี้ยวแก้วจัดเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่ไม่แยกกระจัดกระจาย องค์มีลักษณะแข็งแกร่งรวมกันแน่น พุทธศาสนิกชนจึงมีความศรัทธาเลื่อมใสในองค์พระเขี้ยวแก้วเป็นอย่างมาก
**พระบรมสารีริกธาตุ เรียกโดยย่อว่าพระบรมธาตุ คือ พระอัฐิของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ทรงอธิษฐานไว้ก่อนปรินิพพานว่าให้คงเหลือไว้หลังจากการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธบริษัท พระบรมธาตุมีสองลักษณะคือ พระบรมธาตุที่ไม่แตกกระจาย และที่แตกกระจาย มีขนาดเล็กสุดประมาณเมล็ดพันธุ์ผักกาด ชาวพุทธเชื่อว่าพระบรมสารีริกธาตุเป็นวัตถุแทนองค์พระบรมศาสดาที่ทรงคุณค่าสูงสุดในศาสนาพุทธ จึงนิยมกระทำการบูชาองค์พระบรมสารีริกธาตุโดยประการต่าง ๆ เช่น การสร้างเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระธาตุไว้สักการะ โดยเชื่อว่ามีอานิสงส์ประดุจได้กระทำการบูชาแด่พระพุทธเจ้าเมื่อยังทรงพระชนม์อยู่
บริเวณใกล้ๆกับสนามบิน มีช้างเผือกคู่บ้านคู่เมือง 3 เชือกของพม่า เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้
ที่สุดท้ายที่เราเเวะไหว้ขอพรคือ เจดีย์เจ๊าต่อจี (Kyauk Taw Gyi Pagoda) คนไทยเรียกว่า วัดพระหินขาว
พระหินขาว เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่สูงถึง 11 เมตร เเกะสลักจากหินอ่อนทั้งก้อน มีความสมบูรณ์ ไม่มีตำหนิ น้ำหนักกว่า 600 ตัน ประดิษฐานอยู่ในตู้กระจก เพื่อป้องกันจากสภาพอากาศและความชื้นจากภายนอก เล่ากันว่าหินใหญ่ก้อนนี้ได้มาจากแถบเมืองมัณฑะเลย์ โดยการขนย้ายมาทางแม่น้ำอิระวดีจนถึงเมืองย่างกุ้ง
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติย่างกุ้ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดพระหินขาวนัก
จุดเด่นของการมาเที่ยวพม่าส่วนใหญ่คือการตระเวนไหว้พระขอพรตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในทริปนี้เราได้มีโอกาสสักการะมหาบูชาสถาน 3 ใน 5 แห่งไปแล้ว โอกาสหน้าเราจะไปไหว้และเที่ยวชมอีก 2 แห่งที่เหลือ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ และเมืองพุกาม ทางตอนเหนือของพม่า “O_O”
แชร์เรื่องนี้: