หุบเขาจิ่วจ้ายโกว (九寨沟 – Jiuzhaigou)
จิ่วจ้ายโกว (九寨沟 – Jiuzhaigou) ความหมาย: “หุบเขาเก้าหมู่บ้าน (Valley of Nine Villages)” เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติและอุทยานแห่งชาติ – สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เนื่องจากมีระบบนิเวศป่าที่หลากหลายและทัศนียภาพที่งดงามตลอดทั้งปี เป็นที่รู้จักจากน้ําตกใหญ่น้อยหลายระดับ ทะเลสาบสีฟ้าสดใส ใบไม้หลากสีสัน และยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ หุบเขาแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของหมู่บ้านชาวทิเบต 9 แห่ง นกป่ากว่า 220 สายพันธุ์ ตลอดจนพืชและสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อีกหลายชนิดเช่น แพนด้ายักษ์ ลิงทองคำเสฉวน กล้วยไม้ต่างๆ ฯลฯ ได้รับการประกาศให้เป็น มรดกโลกขององค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ.1992 เป็น สถานที่ท่องเที่ยวระดับ AAAAA ของจีน
หุบเขาจิ่วจ้ายโกวเป็นส่วนหนึ่งของ เทือกเขาหมินซาน (岷山) ตั้งอยู่ที่ความสูงระหว่าง 1,990 ถึง 4,764 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล บนขอบที่ราบสูงหิมาลัยของทิเบตในเขตปกครองตนเอง Aba Tibetan และ Qiang ของมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน มีหลักฐานว่ามีคนเคยอาศัยอยู่ในพื้นที่เเห่งนี้มานานถึง 3,000 ปี ผู้คนในท้องถิ่นยังคงยึดมั่นในวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของพวกเขา ปัจจุบันมีประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตอุทยานประมาณ 110 ครอบครัว จำนวนราว 1,000 คน
ประวัติศาสตร์ของจิ่วจ้ายโกว
เมื่อสี่ร้อยล้านปีก่อน.. พื้นที่แถบนี้เป็นเพียงทะเลตื้น น้ำอุ่น-ใส และแสงแดดส่องถึงพื้นทะเล สิ่งมีชีวิตโบราณจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี่ กระดูกที่หลงเหลืออยู่จากสัตว์ที่ตายไปวันแล้ววันเล่า เกิดการย่อยสลายกลายเป็นแคลเซียมทับถมอยู่บนพื้นทะเลในรูปของหินคาร์บอเนต เวลาผ่านไปหลายร้อยล้านปี ความหนารวมของหินคาร์บอเนตสูงถึง 4,000 เมตรปกคลุมพื้นผิวของหุบเขาจิ่วจ้ายโกว หินคาร์บอเนตเหล่านี้เป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับความสวยงามของหุบเขาจิ่วจ้ายโกวในปัจจุบัน..
หุบเขาจิ่วจ้ายโกวตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสันเขา Gongganling (弓杠岭) ทางตอนใต้ของเทือกเขาหมินซาน (岷山) มีพื้นที่ประมาณ 720 ตารางกิโลเมตร เป็นที่อยู่อาศัยของชาวทิเบตและเฉียงมานานหลายศตวรรษ พื้นที่ห่างไกลที่ยากต่อการเข้าถึงได้นี้ไม่ค่อยมีใครรู้จัก มีการตัดไม้ทำลายป่าอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งปี 1979 เมื่อรัฐบาลจีนสั่งห้ามกิจกรรมดังกล่าวและ ประกาศให้พื้นที่นี้เป็นอุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกวในปี ค.ศ.1982 ต่อมามีการจัดตั้งสํานักบริหารและ เปิดให้เป็นเเหล่งท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการในปี 1984
ในเดือนสิงหาคม 2017 ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ริกเตอร์ขึ้นในเขตพื้นที่จิ่วจ้ายโกว ก่อให้เกิดความเสียหายทางโครงสร้างอย่างมาก ทางการได้สั่งปิดหุบเขาไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ก่อนที่จะเปิดอีกครั้งโดยมีการเข้าถึงที่จํากัด ในวันที่ 3 มีนาคม 2018
จำนวนนักท่องเที่ยวของจิ่วจ้ายโกวเพิ่มขึ้นทุกปี เริ่มต้นจาก 5,000 คนในปี 1984 เป็น 170,000 คนในปี 1991, 200,000 คนในปี 1997, 1.2 ล้านคนในปี 2002 และยังคงเพิ่มมากขึ้นในทุกปี สถิติล่าสุด ณ.วันที่ 1 พฤศจิกายน 2024 จิ่วไจ้โกวมีนักท่องเที่ยวไปเยือนแล้วทั้งสิ้นจำนวนถึง 5.11 ล้านคน (เฉลียต่อวัน 279,700 คน) ทำลายสถิติของปี 2007 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 239,000 คนต่อวัน
การเดินทาง
จิ่วจ้ายโกวอยู่ห่างจากเมืองเฉิงตูประมาณ 420 กิโลเมตร ก่อนปี ค.ศ.2023 การคมนาคมจากเมืองเฉิงตูไปยังอุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกวต้องใช้วิธีเดินทางด้วยรถยนต์เท่านั้น ซึ่งกินเวลาประมาณ 8-9 ชั่วโมง เเต่ในปัจจุบันสามารถขึ้นรถไฟความเร็วสูงจาก สถานีเฉิงตูตะวันออก (Chengdu East Railway Station) ไปลงที่ สถานีหวงหลงจิ่วไจ้ (Huanglongjiuzhai Railway Station) โดยใช้เวลาเดินทางเพียงประมาณหนึ่งชั่วโมงสี่สิบนาที หลังจากนั้นสามารถต่อรถชัตเติ้ลบัสหรือใช้บริการรถเช่าเพื่อไปยังอุทยานแห่งจิ่วจ้ายโกว (ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 2 ชั่วโมง)
การจองตั๋วรถไฟสามารถทำได้ผ่านทางเว็บไซต์ 12306 China Railway ซึ่งเป็นของการรถไฟจีน เเต่อาจยุ่งยากเรื่องการลงทะเบียนหน่อย อีกวิธีที่สะดวกคือจองผ่านเว็บไซต์ Trip dot Com โดยสามารถจองล่วงหน้าได้ก่อนวันเดินทาง 14 วัน
ลิ้งค์จองตั๋วรถไฟ: https://www.trip.com/t/7t8glMzV6O2
ที่พักในบริเวณใกล้อุทยานฯ
เนื่องจากอุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกวมีพื้นที่กว้างมาก การเที่ยวอย่างไม่ต้องเร่งรีบต้องใช้เวลาเกือบทั้งวัน จึงควรไปพักค้างคืนด้วย การจัดเเผนการเที่ยวที่นิยมคือใช้เวลา 2 คืน 3 วัน โดยวันเเรกเป็นการเดินทางจากเฉิงตูแล้วเเวะค้างคืนที่โรงเเรมบริเวณหน้าอุทยานฯ หลังจากเที่ยวชมอุทยานฯและค้างคืนที่สองแล้ว สามารถเเวะเที่ยวอุทยานแห่งชาติหวงหลง (黃龍國家公園 – Huanglong National Park) ก่อนแล้วจึงค่อยเดินทางกลับเฉิงตูในวันที่สาม (อาจสลับไปเที่ยวหวงหลงตั้งเเต่วันเเรกเลยก็ได้)
ปัจจุบันมีโรงเเรม-ที่พักที่ตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้าอุทยานฯเป็นจำนวนมาก ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,000 บาทต่อคืน มีร้านค้า-ร้านอาหารมากมาย
ตั๋วเข้าชมอุทยานจิ่วจ้ายโกว
ฤดูท่องเที่ยวหลักของจิ่วจ้ายโกวคือตั้งเเต่ 1 เมษายน (ต้นฤดูใบไม้ผลิ) ถึง 14 พฤศจิกายน (ปลายฤดูใบไม้ร่วง) ของทุกปี ช่วงเวลายอดนิยมของนักท่องเที่ยวคือในราว ครึ่งเดือนหลังของเดือนตุลาคม เนื่องจากเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีซึ่งถือเป็นไฮซีซั่นของที่นี่ ตั๋วอุทยานฯราคา 280 หยวน (ค่าเข้า190 + รถชัตเติ้ลบัสอุทยาน 90 หยวน)
สำหรับช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว ตั้งเเต่ 16 พฤศจิกายน (ต้นฤดูหนาว) ถึง 31 มีนาคม ราคาตั๋วลดลงเหลือ 160 หยวน (ค่าเข้า80 + รถชัตเติ้ลบัสอุทยาน 80 หยวน)
จองซื้อตั๋วรถชัตเติ้ลบัส, ตั๋วเข้าอุทยานฯ: https://www.trip.com/t/sWnjfyghJO2
จองโรงเเรมในบริเวณอุทยานจิ่วไจ้โกว: https://www.trip.com/t/PIAgMaQhJO2
เที่ยวอุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว (九寨沟国家公园 – Jiuzhaigou National Park)
ภายหลังเสร็จจากการ เที่ยวในอุทยานแห่งชาติหวงหลง เราออกเดินทางต่อไปยังจิ่วจ้ายโกว ตอนประมาณบ่ายสามโมง (ด้วยรถที่เช่ามาตั้งเเต่เช้า) ระยะทางจากหวงหลงถึงจิ่วจ้ายโกวประมาณ 100 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมงเศษๆ
ถึงโรงเเรมที่พักที่บริเวณหน้าอุทยานฯ ในเวลาประมาณ 5 โมงเย็น
เจ็ดโมงเช้าวันรุ่งขึ้น เราก็ออกเดินจากโรงแรมไปยังทางเข้าอุทยานฯซึ่งอยู่ไม่ไกล เนื่องจากจองซื้อตั๋วออนไลน์มาแล้ว ก็เพียงไปต่อเเถวสแกนพาสปอร์ต แล้วรอขึ้นรถชัตเติ้ลบัสของอุทยานฯ ได้เลย
เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น จึงมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เเต่อุทยานฯก็มีระบบการจัดการที่ดี ใช้เวลาไม่นานก็ได้ขึ้นรถชัตเติ้ลบัสเพื่อเดินทางไป ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวนู่รื่อหลาง (诺日朗游客服务中心 – Nuorilang Tourist Service Center)

พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกวประกอบด้วยหุบเขาสามแห่งที่จัดเรียงเป็นรูปตัว Y โดยเริ่มจาก หุบเขาซู่เจิง (Shuzheng Valley) ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือและเป็นทางเข้าของอุทยานฯ ทอดยาวต่อเนื่องไปทางทิศใต้ แล้วเเยกออกเป็นสองทาง ด้านขวาของรูปตัว Y คือ หุบเขาไรเซ่อ (日则沟 – Rize Valley) มีความยาวประมาณ 18 กิโลเมตร เป็นพื้นที่จุดชมวิวที่สําคัญที่สุดของจิ่วจ้ายโกว มีสถานที่ท่องเที่ยวในหุบเขาด้านนี้มากมาย เช่น ป่าดึกดําบรรพ์ (Virgin Forest), ทะเลสาบและน้ำตกไผ่ลูกศร (Arrow Bamboo Lake/Waterfall), ทะเลสาบแพนด้า (Panda Lake), ทะเลสาบกระจก (Mirror Lake) ฯลฯ
ด้านซ้ายมือของตัว Y คือ หุบเขาเซชาวะ (则查洼沟 – Valley) มีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆได้แก่ ทะเลสาบยาว (Long Lake), สระน้ำห้าสี (Colorful Pond)
ด้านล่างรูปตัว Y คือ หุบเขาซู่เจิง (树正沟 – Shuzheng Valley) ยาวประมาณ 13.8 กิโลเมตร มีสถานที่ท่องเที่ยวเช่น ทะเลสาบแรด (Rhinoceros Lake), ทะเลสาบเสือ (Tiger Lake), หมู่บ้านทิเบตชูเจิ้ง (Shuzheng Village) ฯลฯ
ใจกลางอุทยานซึ่งเป็นจุดบรรจบกันของหุบเขาทั้งสามเป็นที่ตั้งของ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวนู่รื่อหลาง (Nuorilang Tourist Service Center) มีร้านอาหาร จุดจอดรถชัตเติ้ลบัส และ น้ำตกนู่รื่อหลาง (Nuorilang Waterfall) อยู่ในบริเวณนี้
หุบเขาไรเซ่อ (日则沟 – Rize Valley)
จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เรานั่งรถบัสอุทยานไปทางด้านขวา (หุบเขาไรเซ่อ – Rize Valley) แล้วลงรถที่ป้ายสุดท้าย – ป่าดึกดําบรรพ์ (原始森林 – Virgin / Primeval Forest)

อุโมงค์ลอดเขาบริเวณทะเลสาบแพนด้า
ป่าดึกดําบรรพ์ (原始森林 – Virgin / Primeval Forest): อยู่ที่ระดับความสูง 2,900 เมตร เป็นป่าเก่าเเก่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ ด้านหน้ามีทัศนียภาพของภูเขาและหน้าผาโดยรอบ รวมถึงหินดาบรูปใบมีดสูง 500 เมตร (剑岩 – Sword Rock)
ทางเดินในป่าเป็นสะพานไม้อย่างดี บรรยากาศร่มรื่น
จากป่าดึกดําบรรพ์ ขึ้นรถบัสไป 1.2 กิโลเมตร ลงป้าย ทะเลสาบไผ่ลูกศร ((箭竹海 – Arrow Bamboo Lake)
มีป้ายบอกทางอย่างชัดเจนเป็นระยะๆ ตลอดเส้นทางเดินชมวิว
ทางเดินชมวิวด้านในของทะเลสาบจะขนานไปกับถนนที่รถบัสวิ่ง มองเห็นได้ไกลๆ
ทะเลสาบไผ่ลูกศร / เเอร์โรว์แบมบูเลค (箭竹海 – Arrow Bamboo Lake) ครอบคลุมพื้นที่ 170,000 ตารางเมตร เป็นทะเลสาบตื้นที่มีความลึก 6 เมตร ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,618 เมตร เคยเป็นโลเคชั่นสำคัญในการถ่ายทำ ภาพยนตร์จีนเรื่อง Hero เมื่อปี 2002
น้ำตกไผ่ลูกศร / แอร์โรว์แบมบูเลค (箭竹海瀑布 – Arrow Bamboo Lake) ตั้งอยู่ที่ความสูง 2,629 เมตร มีความกว้าง 150 เมตร สูง 2-5 เมตร น้ำตกนี้เกิดจากการยุบตัวของหินทราเวอร์ทีนและแอ่งน้ำตื้นด้านล่างก่อตัวเป็นชั้นๆที่สวยงามเชื่อมโยงกัน
จากจุดนี้จะกลับไปขึ้นรถบัสอุทยาน หรือเดินต่ออีก 685 เมตรไปยังทะเลสาบแพนด้าก็ได้ (เราเลือกเดินชมวิวต่อ^^)
ทางเดินเริ่มกลับขึ้นไปสู่ถนนตรงบริเวณอุโมงค์รถลอด
ทะเลสาบที่เห็นเริ่มมีสีฟ้า-เขียว (สีเทอร์คอยส์) ดูสวยงามขึ้นเรื่อยๆ
รถบัสอุทยานวิ่งผ่านหน้าไปหลายคัน เเต่เราคิดว่าการได้ลงเดินแบบนี้เเม้ว่าจะเหนื่อยบ้าง เเต่แลกกับการได้ชมวิวสวยๆ และเก็บไว้ในความทรงจำ มันก็คุ้มกันอยู่นะ 😀
ทะเลสาบแพนด้า (熊猫海 – Panda Lake) เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีน้ำเป็นสีฟ้า-เขียวอันสวยงาม ตั้งอยู่ที่ความสูง 2,574 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีความยาวยาว 670 เมตร กว้าง 109-237 เมตร ความลึกเฉลี่ย 15.6 เมตร ทะเลสาบแห่งนี้ได้ชื่อมาจากแพนด้ายักษ์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งกล่าวกันว่าเคยมากินน้ำที่นี่ ในช่วงน้ำขึ้นสูง น้ำจะไหลล้นจนกลายเป็นน้ำตกเเพนด้า (Panda Waterfall)
จากทะเลสาบแพนด้า ขึ้นรถบัสอุทยานฯอีกครั้งเพื่อไปยังจุดหมายถัดไป..
ทะเลสาบห้าดอกไม้ (五花海 – Five Flower Lake) หรือที่บางครั้งเรียกว่า ทะเลสาบนกยูงหรือทะเลสาบห้าสี เป็นทะเลสาบที่มีความยาว 450 เมตร กว้าง 313 เมตร และลึก 9 เมตร เกิดจากการถล่มของดินและเศษซากโคลนที่ขวางกั้นหุบเขาน้ำแข็ง ทะเลสาบแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่ามีสีสันสดใสที่สุดในจิ่วจ้ายโกว สีสันที่งดงามของทะเลสาบห้าดอกไม้เกิดจากการสะท้อนของหินทรายเวอร์ทีนใต้ผิวน้ำ, สาหร่าย, หญ้าน้ำ และต้นไม้ที่ตายแล้ว ซึ่งผสมผสานกับแสงอาทิตย์, ท้องฟ้า, และเมฆขาว ทำให้เกิดเงาสะท้อนหลากสีบนผิวน้ำ ทะเลสาบนี้เปรียบเสมือนจี้ขนาดใหญ่ที่มีอัญมณีมากมายฝังอยู่ในหุบเขา เมื่อมองจากมุมสูง ทะเลสาบจะดูคล้ายกับหางนกยูงที่เปล่งประกายด้วยสีสันอันงดงาม
มีทางเดินลัดเลาะและจุดชมวิวหลายแห่งรอบๆทะเลสาบ
หลังจากนั้นก็ขึ้นรถบัสอีกครั้งไปลงยัง ธารและน้ำตกธารไข่มุก
ธารไข่มุก (珍珠滩 – Pearl Shoal) เป็นพื้นที่กว้างลาดเอียงเล็กน้อยซึ่งมีชั้นหินปูนทับถมอยู่และปกคลุมด้วยสายน้ำที่ไหลผ่านบางๆ แล้วไหลตกลงกลายเป็น น้ำตกธารไข่มุก (珍珠滩瀑布 – Pearl Shoal Waterfall) ที่มีชื่อเสียง ซึ่งมีความสูง 28 เมตรและกว้าง 310 เมตร
หิน 8.8 : เมื่อเวลา 21:19 น. ของวันที่ 8 สิงหาคม 2017 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ริกเตอร์ที่จิ่วจ้ายโกว ซึ่งส่งผลให้เกิดดินถล่มในระดับสูง หินปูนโดโลไมต์ก้อนนี้มี ความสูง 9.2 เมตร ปริมาตร 163 ลูกบาศก์เมตร และน้ำหนัก 522 ตัน ก่อตัวขึ้นในสภาพแวดล้อมเมื่อประมาณ 320 ล้านปีก่อน โดยเดิมอยู่ที่ระดับความสูง 2,654 เมตร ก่อนที่จะเกิดการแตกออกจากภูเขาและ ตกลงไปในหุบเขาเป็นระยะทาง 272 เมตร ทำลายพืชพรรณและสร้างร่องหลุมขนาดใหญ่ตามเส้นทางที่ตกลงมา ตัวเลข 8.8 ที่สลักไว้บนหินนั้นก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้เรารู้จักเคารพธรรมชาติ
ทะเลสาบกระจก (镜海 – Mirror Lake) เป็นทะเลสาบเงียบสงบที่สะท้อนภาพอันงดงามของบริเวณโดยรอบด้วยน้ำที่เรียบนิ่งดุจกระจกเงา
ทะเลสาบกระจกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายของเส้นทางหุบเขาไรเซอร์ ป้ายถัดจากนี้คือ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (Nuorilang Tourist Center) เราจะหยุดพักทานข้าวเที่ยงกันที่นี่ด้วย
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวนู่รื่อหลาง (诺日朗游客服务中心 – Nuorilang Tourist Service Center)
ที่นี่เป็นศูนย์กลางการเดินทางท่องเที่ยวของอุทยานจิ่วจ้ายโกว มีจุดจอดรถชัตเติ้ลบัสเพื่อไปยังหุบเขาทั้งสาม ตลอดจนร้านค้าและศูนย์อาหารขนาดใหญ่ ที่นั่งมีทั้งแบบอินดอร์และเอ้าท์ดอร์
หุบเขาเซชาวะ (则查洼沟 – Zechawa Valley)
หุบเขาเซชาวะ (则查洼沟 – Zechawa Valley) เป็นหุบเขาด้านซ้ายของตัว Y มีความยาว 18 กิโลเมตร ชื่อเรียกหุบเขามาจากชื่อหมู่บ้านชนเผ่าทิเบตเก่าแก่ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวฯ
หลังอาหารเที่ยง เราขึ้นรถบัสอุทยานสายหุบเขาเซชาวะ ปลายทางคือ ทะเลสาบยาว (长海 – Long Lake)
ทะเลสาบยาว (长海 – Long Lake) เป็นทะเลสาบที่มีรูปร่างคล้ายตัว “ S ” ซึ่งตั้งอยู่สูงที่สุด ลึกที่สุด และใหญ่ที่สุดในบรรดาทะเลสาบทั้งหมดของจิ่วจ้ายโกว โดยมีระดับความสูงถึง 3,101 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีความยาว 4,350 เมตร กว้าง 300 เมตร และลึกถึง 90 เมตร ปริมาณน้ำในทะเลสาบนี้มีมากถึง 45 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำในทะเลสาบยาวเกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขา และไม่มีทางน้ำไหลออก นอกจากการระเหยโดยตรง น้ำยังสามารถรั่วซึมผ่านรอยแยกใต้ดินไปยังแอ่งน้ำอื่นๆด้านปลายน้ำ เช่น สระน้ำหลากสี (Multi-colored Pond) และทะเลสาบต่างๆในหุบเขาไรเซอร์ (Rize Valley) ซึ่งทำหน้าที่เป็นอ่างเก็บน้ำควบคุมสำหรับพื้นที่หลัก
ทะเลสาบยาวมีความพิเศษตรงที่น้ำไม่เคยล้นในช่วงฤดูฝน และไม่เคยแห้งเหือดแม้ในฤดูแล้ง นอกจากนี้ยังมีนิทานพื้นบ้านที่เล่าขานกันว่ามีสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่ในส่วนลึกของทะเลสาบอีกด้วย
ทางเดินชมวิวเป็นสะพานยาวลัดเลาะไปตามริมทะเลสาบ
ห่างไกลเเค่ไหนก็ไม่หวั่น ตู้ขายขนม-เครื่องดื่ม, สถานีชาร์ตเเบตเตอรี่โทรศัพท์ ตลอดจนถึงร้านให้เช่าชุด-เเต่งหน้า และพร็อบเเต่งตัวสำหรับสาวๆก็ยังคงตามมาให้บริการ ^^
จากทะเลสาบยาว เดินอีกราว 800 เมตรข้ามไปอีกฟากของถนนที่รถบัสวิ่งมา เพื่อไปยัง สระน้ำห้าสี (五彩池 – Colorful Pond)
สระน้ำห้าสี (五彩池 – Colorful Pond) อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 3,010 เมตร มีความยาวประมาณ 100 เมตร กว้าง 60 เมตร และลึก 6.6 เมตร เป็นแหล่งน้ำที่มีขนาดเล็กที่สุดในจิ่วจ้ายโกว ได้รับฉายา “ดวงตาแห่งจิ่วไจ้โกว” เนื่องจากน้ำใต้ดิน (จากทะเลสาบยาว) ช่วยเติมเต็ม น้ำในสระจึงไม่แข็งตัวในฤดูหนาว นอกจากนี้แสงแดด สาหร่าย หินทรายเวอร์ทีน และปัจจัยอื่นๆทำให้น้ำในสระมีสีสันสดใส-สวยงาม
บนเส้นทางของหุบเขาเซชาวะ ยังมี ทะเลสาบสี่ฤดู (季节海 – Seasonal Lakes) ซึ่งเป็นกลุ่มทะเลสาบ 3 แห่ง (ล่าง, กลาง และบน) เรียงรายอยู่ริมถนนสายหลัก น้ำในทะเลสาบเหล่านี้จะแห้งในช่วงฤดูร้อนและมีน้ำเต็มในฤดูฝน นอกจากนี้บริเวณใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวนู่รื่อหลาง มี หมู่บ้านทิเบตเซชาวะ (Zechawa Village) ตั้งอยู่
หุบเขาซู่เจิง (树正沟 – Shuzheng Valley)
เป็นหุบเขาที่เริ่มต้นจากทางเข้าอุทยานทางทิศเหนือ ทอดยาวลงไปทางใต้ มีความยาว 14.5 กิโลเมตร บรรจบกับปลายของอีกสองหุบเขา (เซชาวะ และไรเซอร์) ซึ่งถือเป็นจุดกึ่งกลางของอุทยานฯ เป็นที่ตั้งของ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวนู่รื่อหลาง (诺日朗游客服务中心 – Nuorilang Tourist Service Center) สถานที่ท่องเที่ยวในหุบเขาซู่เจิงมีหลายแห่ง ได้เเก่ น้ำตกนู่รื่อหลาง ทะเลสาบเเรด ทะเลสาบเสือ หมู่บ้านทิเบตซู่เจิง ฯลฯ
น้ำตกนู่รื่อหลาง (诺日朗瀑布 – Nuorilang Waterfall) ตั้งอยู่บนระดับความสูง 2,343 เมตร ไม่ไกลจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจิ่วไจ้โกว มีความสูงของน้ำตก 24.5 เมตร และกว้างถึง 320 เมตร ถือเป็นน้ำตกหินทรายเวอร์ทีนที่กว้างที่สุดในจีน
จากน้ำตกนู่รื่อหลาง ขึ้นรถบัสคันที่ออกไปยังหน้าอุทยาน ประมาณ 3 กิโลเมตรแวะลงป้าย ทะเลสาบเเรด (犀牛海 – Rhinoceros Lake)
ทะเลสาบเเรด (犀牛海 – Rhinoceros Lake) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองในพื้นที่จิ่วไจ้โกว มีความยาว 2,000 เมตร กว้าง 225 เมตร และลึก 17 เมตร ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,301 เมตร ทะเลสาบแห่งนี้มีผืนน้ำสีเขียวมรกต ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ทิวทัศน์ของภูเขาโดยรอบจะสะท้อนผิวน้ำของทะเลสาบ ก่อให้เกิดภาพที่สวยงาม
ถัดจากทะเลสาบเเรดไม่ไกล คือ ทะเลสาบเสือ (老虎海 – Tiger Lake) มีความยาว 310 เมตร กว้าง 194 เมตร และลึก 23 เมตร
หมู่บ้านทิเบตซู่เจิง (Shuzheng Village) อยู่ห่างจากทะเลสาบเเรดลงมาประมาณ 1.2 กิโลเมตร สามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ มีร้านขายสินค้าหัตถกรรม ของที่ระลึก และขนม-เครื่องดื่ม ด้านหลังหมู่บ้านมีจุดชมวิวมุมสูงที่มองเห็นทะเลสาบฝั่งตรงข้ามได้อย่างสวยงาม
ตรงข้ามกับหมู่บ้านทิเบตซู่เจิง มีบันไดลงไปยัง น้ำตกและโรงสีพลังน้ำซู่เจิง
โรงสีพลังน้ำซู่เจิง (树正磨房 – Shuzheng Water-Mill) เป็นโรงสีที่ใช้พลังน้ำในการโม่บดข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี และเมล็ดพืชอื่นๆให้เป็นแป้ง เป็นซากแห่งภูมิปัญญาในการสีเมล็ดพืชที่ตกทอดจากคนยุคโบราณ อาคารเป็นโครงสร้างไม้ที่ตั้งอยู่เหนือกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก
ใกล้ๆกันคือ น้ำตกซู่เจิง (Shuzheng Waterfall)
จากนั้นก็ขึ้นรถบัสกลับไปยังทางออกของอุทยานฯ วันนี้เราใช้เวลาไปร่วม 12 ชั่วโมงในการเดินทาง-ท่องเที่ยว เเม้ว่าจะเหนื่อยบ้าง เเต่ความทรงจำอันสวยงามจะอยู่กับเราตลอดไป ผ่านภาพถ่ายที่บันทึกไว้กว่าสองพันรูปและบทความนี้… \O.O/
… ทุกทริปทุกสถานที่ๆเราเคยไป วันหนึ่งจะกลายเป็นเรื่องเล่าในความทรงจำ…
แชร์เรื่องนี้: