ทาคายามะ (高山市 – Takayama)
ทาคายามะ (高山市 – Takayama) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ จังหวัดกิฟุ (Gifu) ในภูมิภาคชูบุ (Chūbu region) ตอนกลางของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น เป็นเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เคยรุ่งเรืองมากในยุคเอโดะ (Edo Period) เป็นเมืองที่ยังคงรักษาบรรยากาศแบบดั้งเดิมและมรดกทางสถาปัตยกรรมไว้เป็นอย่างดี
สภาพภูมิศาสตร์ของเมืองทาคายามะตั้งอยู่บนที่สูง มีภูเขาระดับ 3,000 เมตรล้อมรอบ เนื่องจากอยู่ห่างไกลและถูกตัดขาดจากโลกภายนอกมาเป็นเวลากว่า 300 ปี จึงทำให้ประเพณีและวัฒนธรรมในทาคายามะมีเอกลักษณ์และยังคงถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี คำว่า “ทาคายามะ (高山)” แปลว่า “ภูเขาสูง” เมืองนี้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อ ฮิดะ ทาคายามะ (飛騨高山 – Hida Takayama) โดยมาจากชื่อแคว้นฮิดะในอดีต เพื่อแยกความแตกต่างจากสถานที่อื่นๆในญี่ปุ่นที่มีชื่อทาคายามะเหมือนกัน
การเดินทาง
เมืองทาคายามะเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อยอดไปเที่ยวสถานที่ยอดนิยมอื่นๆของภูมิภาคชูบุ (Chubu) เช่น ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-Go), คามิโคจิ (Kamikochi), กระเช้าชินโฮตากะ (Shinhotaka Ropeway) ฯลฯ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังเมืองทาคายามะได้โดยรถไฟของ JR Central ขบวน Hida Limited Express ที่เริ่มต้นจากเมือง นาโกย่า ผ่านเมืองกิฟุ สิ้นสุดที่เมือง ทาคายามะ (บางขบวนไปสิ้นสุดที่เมืองโทยามะ)
นอกจากนี้ยังสามารถโดยสารรถบัสประจำทางจากเมือง คานาซาว่า ซึ่งวิ่งผ่าน หมู่บ้านชิราคาวาโกะ และสิ้นสุดที่เมือง ทาคายามะ ซึ่งเป็นอีกวิธีที่นิยมกันอีกด้วย
ยังมีรถบัสทางไกลเส้นทางอื่นๆที่มายังเมืองทาคายามะได้ คือจาก โอซากา/เกียวโต, นาโกย่า, มัตสุโมโต เเละจากสถานี ชินจูกุที่เมืองโตเกียว
เดินเที่ยวในเมืองทาคายามะ
Takayama Station เป็นสถานีรถไฟเล็กๆแต่ทันสมัย สถานีทาคายามะไม่ได้อยู่บนเส้นทางของรถไฟสายชินคันเซ็นใดๆ สถานีชินคันเซ็นที่ใกล้ที่สุด ได้แก่ สถานีโทยามะ บนสายโฮคุริคุชินคันเซ็น และ สถานีนาโกย่า บนสายโทไคโดชินคันเซ็น รถไฟที่วิ่งผ่านที่นี่มีเพียงสายเดียวคือสาย Hida Limited Express ที่วิ่งไปและกลับจากทาคายามะ โดยมุ่งหน้าลงใต้ผ่านกิฟุไปยังสถานีนาโกย่า และขึ้นเหนือไปยังสถานีโทยามะ ที่นี่ถือเป็นประตูสู่เมืองทาคายามะก็ว่าได้ เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาโดยรถไฟหรือรถบัสจะต้องมาสิ้นสุดที่นี่เสมอ
Takayama Nohi Bus Center ตั้งอยู่ด้านข้างติดกับสถานีรถไฟ เป็นศูนย์บริการและท่ารถของบริษัทรถบัสโนฮิ (Nohi Bus) ที่ให้บริการรถบัสโดยสารจากเมืองทาคายามะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น ชิราคาวะโกะ, คานาซาว่า, คามิโคจิ ฯลฯ
ที่หัวมุมถนนมีร้านขายเบอร์เกอร์ดูน่ากิน ใครผ่านไปลองเเวะอุดหนุนได้
วัดฮิดะโคคุบุนจิ (Hida Kokubunji Temple) วัดพุทธเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.746 โดยจักรพรรดิโชมุ (Shomu) และยังจัดเป็นหนึ่งในสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญและมีชื่อเสียงในเมืองทาคายาม่า และภูมิภาคฮิดะ (Hida) เพราะไม่เพียงเป็นศูนย์กลางทางศาสนา แต่ยังเป็นสถานที่ที่นำเสนอความงดงามของสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นในยุคโบราณ นอกจากนี้ยังมีอาคารหลัก (Main Hall) ที่มีการประดับประดาด้วยงานไม้แกะสลักที่ประณีตและภาพวาดพุทธศิลป์ที่งดงาม
หนึ่งในสิ่งปลูกสร้างที่โดดเด่นที่สุดของวัดฮิดะโคคุบุนจิคือ เจดีย์สามชั้น (Three-story Pagoda) เป็นเจดีย์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในภูมิภาคฮิดะ มีความสูง 22 เมตร สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1615 โดยคานาโมริ อาริชิเงะ ผู้ปกครองเมืองทากายามะ เจดีย์ในปัจจุบันได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในปี 1821 เพื่อเเทนที่อาคารหลังเดิมที่ถูกลมพัดล้มไปในปี 1791
อีกหนึ่งไฮไลท์ของวัดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจก็คือ ต้นแปะก๊วยโบราณที่มีอายุมากกว่า 1,200 ปี ตั้งอยู่บริเวณลานวัดและเป็นหนึ่งในต้นไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยในช่วงฤดูใบไม้ร่วงใบของต้นแปะก๊วยจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองสดใสสวยงาม เสียดายที่ตอนเราไปเป็นช่วงฤดูหนาวซึ่งใบได้ร่วงหมดเเล้ว
ตลาดเช้ามิยะกะวะ (Miyagawa Morning Market) เป็นตลาดเช้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองทะคะยะมะ ตั้งอยู่เลียบไปกับแม่น้ำมิยะกะวะ (Miyagawa River) มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยเอโดะ
เมืองเก่าทาคายาม่า (Takayama Old Town) มีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนกลับไปได้ถึงยุคเอโดะ ในยุคนั้นที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าและการผลิตงานฝีมือที่สำคัญ โดยมีการสร้างบ้านเรือนและร้านค้าอย่างประณีตและมีการจัดวางแผนผังเมืองอย่างเป็นระบบ โดยมี ย่านซันมาจิ ซูจิ (Sanmachi Suji) เป็นหัวใจของเมืองและเป็นพื้นที่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี
ตุ๊กตาลิงไร้หน้า “ซารุโบโบะ (SARUBOBO : さるぼぼ)” คือเครื่องรางของเมืองฮิดะ คำว่า ซารุ แปลว่า “ลิง” ส่วน โบโบะ คือภาษาถิ่นของเมืองฮิดะที่แปลว่า “เด็กเล็ก” แต่ละสีก็จะมีความหมายที่แตกต่างกันไป นิยมใช้เป็นตุ๊กตาเพื่ออวยพรเด็กแรกเกิดให้แข็งแรง สุขภาพดี
เล่ากันว่าสาเหตุที่ซารุโบโบะไม่มีหน้า ก็เพราะซารุโบโบะไม่ได้สร้างมาเพื่อสะท้อนความเป็นมนุษย์ ทำให้ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก และที่มีใบหน้าที่ว่างเปล่าแบบนี้ก็เพื่อให้ผู้เป็นเจ้าของได้จินตนาการถึงใบหน้าของซารุโบโบะตามความคิดของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหัวเราะมีความสุข หรือเศร้าก็ตาม
ทาคายามะเป็นที่รู้จักในด้านการผลิตเหล้าสาเกที่มีคุณภาพสูง นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมโรงกลั่นสาเกและลองชิมสาเกท้องถิ่นที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ได้
ชาวบ้านนิยมเอากระถางดอกไม้เมืองหนาวสีสดใสมาประดับบริเวณหน้าร้าน
สะพานนาคะบาชิ (Nakabashi Bridge) สะพานสีแดงเด่นที่ทอดตัวข้ามแม่น้ำเชื่อมต่อทั้งสองฝั่ง เป็นอีกจุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว
ทาคายาม่า จินยะ (Takayama Jinya) เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และการปกครอง มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 17 อดีตเคยเป็นสถานที่ทำงานของข้าราชการชั้นสูง สถาปัตยกรรมและศิลปวัตถุที่นี่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ปัจจุบันอาคารแห่งนี้ได้ถูกยกให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติ ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชม มีการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการบริหารภูมิภาคในช่วงสมัยเอโดะ สามารเดินสำรวจห้องทำงานต่างๆ รวมถึงห้องพิจารณาคดี ที่พักอาศัย และห้องเก็บเอกสาร ฯลฯ
นอกจากเดินเล่นตามจุดต่างๆในเมืองเเล้ว ยังมีสถานที่น่าสนใจอีกเเห่งที่ซ่อนตัวเเละไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยว เรามีโอกาสได้ไปเจอโดยบังเอิญ และกลายเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของเราในทริปนี้ ถ้าเพื่อนๆผ่านมาทาคายามะก็อยากเเนะนำให้บรรจุที่นี่เข้าไปในเเผนด้วย เผื่อเวลาเดินเที่ยวไว้ซักราว 1-2 ชั่วโมง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะตก บรรยากาศสวยสะกดใจ รับรองไม่ผิดหวัง.. ^^
Hida no Sato Folk Village (飛騨の里)
Hida no Sato Folk Village (飛騨の里) หรือ หมู่บ้านพื้นเมืองฮิดะ เป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมที่ มีอาณาบริเวณ 130,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีและฤดูหนาว
ที่นี่ถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1971 เพื่อรักษาและอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของชาวฮิดะเอาไว้ โดยการรวบรวมบ้านไม้เก่าแก่จากยุคเอโดะและเมจิจำนวนมากกว่า 30 หลังจากพื้นที่ต่างๆในแถบภูเขาของภูมิภาคฮิดะมาสร้างไว้ที่นี่ มีบ้านโบราณสไตล์กัสโชซูคุริ (Gassho-zukuri) ซึ่งเป็นบ้านไม้หลังคาทรงสามเหลี่ยมคล้ายมือพนมที่สร้างขึ้นเพื่อรับมือกับหิมะตกหนักในฤดูหนาว (เหมือนที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะ) ในบ้านทุกหลังจะมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อแสดงให้เห็นถึงวิถีการดำเนินชีวิตและวัฒนธรรมของหมู่บ้านกสิกรรมในหุบเขานี้ เปรียบเหมือนทำให้เมืองฮิดะโบราณฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง
พิกัด: หมู่บ้านวัฒนธรรมฮิดะโนซาโตะตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Takayama ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 2.2 กิโลเมตรเท่านั้น สามารถเดินทางมาด้วยรถมินิบัสจากบริเวณสถานีรถไฟทาคายามะโดยใช้เวลาเดินทางเพียง 10 นาที
เวลาเปิดทำการ: เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:00 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 700 เยน, เด็ก (อายุ 6-15 ปี) 200 เยน
ในเช้าวันที่เราไปถึง มีหิมะปกคลุมอยู่ทั่วไป ทำให้บรรยากาศสวยงามน่าประทับใจ (สำหรับกระเหรี่ยงเมืองร้อนอย่างเรา) ^^
สระโกอามิ (五阿弥池 – Goami Pond) สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1931 มีพื้นที่ 3,300 ตารางเมตร ลึก 5 เมตร ใช้เป็นอ่างเก็บน้ำเพื่อส่งน้ำไปยังนาข้าวในพื้นที่ ในอดีตสระนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับให้เด็กๆเล่นน้ำ เด็กๆมักจะว่ายน้ำในฤดูร้อนและเล่นสเก็ตในฤดูหนาวเมื่อสระถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนา พื้นที่ของหมู่บ้านซึ่งรวมถึงเนินเขา Matsukura และสระโกอามิได้รับการกำหนดให้เป็นพื้นที่ทัศนียภาพพิเศษโดยจังหวัดกิฟุ
จากประตูทางเข้าเดินเลี้ยวไปทางซ้าย จะเป็นล็อคเกอร์ มีรองเท้าบู้ทและเชือกให้ยืมใส่กันลื่นเมื่อเดินบนหิมะด้วย
อุปกรณ์ดับเพลิงในสมัยก่อน
โรคุจิโซ 六地蔵 Six Jizo Statues – รูปปั้นจิโซหกองค์ ในพระพุทธศาสนา โรคุจิโซเป็นผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติธรรมหกประการแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ได้แก่ นรก ความหิวโหย สัตว์เดรัจฉาน การสังหารหมู่ มนุษย์ และสวรรค์ เชื่อกันว่ารูปปั้นเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนรอดพ้นจากความทุกข์และภัยพิบัติ การบูชาจิโซได้รับความนิยมในหมู่ขุนนางในราชสำนักในศตวรรษที่ 12 และแพร่หลายไปสู่ประชาชนทั่วไปในราวศตวรรษที่ 17
บ้านของมาเอดะ (Maeda’s House) บ้านหลังนี้สร้างขึ้นทางตอนเหนือของเมืองทากายามะในปี 1899 ในสมัยนั้นชาวนาส่วนใหญ่มักจะสร้างบ้านด้วยตนเอง แต่เจ้าของบ้านหลังนี้ซึ่งเป็นชาวนาที่ร่ำรวยมากได้ให้ช่างไม้แห่งทากายามะสร้างให้ บ้านหลังใหญ่หลังนี้มี 6 ห้องและสามารถถอดประตูห้องเหล่านี้ออกได้ทั้งหมด ทำให้สามารถขยายหรือย่อขนาดได้ตามต้องการ
ป้ายประกาศข่าวสารฮาริดาชิ (Haridashi Signboard) ป้ายนี้ตั้งอยู่หน้าอาคารทำการของทาคายามะ จินยะ (ศาลาว่าการเมือง) ซึ่งสร้างขึ้นครั้งแรกตั้งเเต่ยุคเอโดะในปี ค.ศ.1615 โดยเคยใช้เป็นที่ทำการรัฐบาลจังหวัดกิฟุตั้งแต่สมัยเมจิ (ค.ศ. 1868-1912) ต่อมาสำนักงานได้ย้ายไปยังที่อื่นในปี ค.ศ.1969 และป้ายประกาศข่าวสารฮาริดาชิแห่งนี้ก็ได้ถูกย้ายมาที่นี่
หลังจากเดินเที่ยวจนพอเเล้ว ก็เตรียมตัวเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านชิราคาวาโกะตามแพลนที่วางไว้ เเต่ความประทับใจของเราที่มีต่อที่นี่ก็เต็มเปี่ยม ดีใจที่มีโอกาสได้มาพบและเที่ยวในครั้งนี้..
เเชร์เรื่องนี้:
