ภาพสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของเกาะฮอกไกโด เป็นภาพของแหลมหินที่ยื่นออกไปในทะเล มีทางเดินเล็กๆทอดยาว-คดเคี้ยวออกไปตามเนินเขาเตี้ยๆ สีเขียวที่อยู่เบื้องหน้า ล้อมรอบด้วยเวิ้งทะเลสีครามทั้งสองด้าน ที่ปลายทางลิบๆ มองเห็นประภาคารสีขาวดำตั้งเด่นสง่าอยู่ เป็นภาพที่สวยงามประทับใจ เราเริ่มทำการสืบค้นและจบลงที่การเดินทางเพื่อตามรอยให้เห็นกับตาด้วยตนเอง…
ที่นี่คือ แหลมคามูอิ (神威岬, Kamui misaki) แห่งคาบสมุทรชาโคตัน ภาคตะวันตกของเกาะฮอกไกโด
แหลมคามูอิอยู่ห่างจากเมืองโอตารุ (Otaru) ประมาณ 70 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่รถไฟไปไม่ถึง จึงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวไม่มากนัก การเดินทางมายังแหลมคามูอิจากเมืองโอตารุ ต้องนั่งรถบัสสาย Hokkaido Chuo จากป้าย Otarueki-mae bus terminal ลงที่ป้าย Kamui misaki ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง วิธีที่สะดวกที่สุดคือเช่ารถขับจากเมืองซัปโปโร ระยะทางประมาณ 110 กิโลเมตร เเนะนำว่าควรวางแผนมาในช่วงเช้าและเเวะเที่ยวโอตารุในตอนบ่าย
เรื่องราวเล่าขานของแหลมคามุอิ: ตำนานไอนุได้เล่าไว้ว่า Minamoto no Yoshitsune ขุนพลตระกูลดังของญี่ปุ่นในช่วงปลายยุคเฮอัน ได้เคยมาอาศัยอยู่กับ Biratori ผู้นำเผ่าไอนุ ด้วยความใกล้ชิด ลูกสาวของผู้นำเผ่านามว่า Charenka ได้เกิดความรักที่มั่นคงกับขุนพล Yoshitsune แต่หลังจากนั้นขุนพลและพวกพ้องมีภารกิจต้องล่องเรือสู่ทะเล Charenka จึงได้ออกเดินทางตามหาทุกหนทุกแห่ง จนกระทั่งถึงแหลมคามุอิ นางได้พบเรือของขุนพล Yoshitsune แล่นอยู่ จึงได้ร้องตะโกนเรียกพร้อมร้องไห้คร่ำครวญ แต่เนื่องจากบริเวณนี้มีลมทะเลรุนแรง จึงพัดกลบเสียงตะโกนของนางจนหมดสิ้น บรรดาลูกเรือรวมถึงขุนพล Yoshitsune ไม่ได้ยินเสียงของ Charenka จึงได้แล่นเรือห่างออกไปเรื่อยๆ สร้างความเศร้าโศกเสียใจ ระคนความโกรธแค้นให้นางเป็นอย่างมาก จึงได้สาปแช่งว่า “หากเรือลำไหนที่มีผู้หญิงอยู่บนเรือแล่นผ่านมาที่จุดนี้ ขอให้เรือลำนั้นจมลงเสียสิ้น” จากนั้นนางก็ได้ก็กระโดดลงทะเลตาย แล้วร่างของนางได้กลายเป็นหิน Kamui ซึ่งมีรูปทรงคล้ายหญิงสาวที่ปรากฎอยู่ ณ.ปลายแหลมในปัจจุบัน
บริเวณทางเข้ามีลานจอดรถกว้างขวาง ตลอดจนร้านค้าและห้องน้ำสำหรับนักท่องเที่ยวในบรรยากาศที่สวยงามของภูเขาและทะเล
ห้องน้ำสุดสวย..
Kamui Misaki/Cape Kamui มีลักษณะเป็นแหลมหินที่ยื่นออกไปในทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ไฮไล้ท์คือการเดินไปยังจุดชมวิวที่บริเวณปลายแหลม โดยจะมีบันไดไม้และทางเดินที่ลดเลี้ยวไปตามเนินเขาเตี้ยๆ (Charenka’s Path) ระยะทางประมาณ 770 เมตร
พอเดินขึ้นไปได้ซักพัก จะพบกับประตูต้องห้ามสำหรับหญิงสาวในอดีต (ปัจจุบันเดินผ่านเข้า-ออกได้แล้ว) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นทางเดินไปยังปลายแหลม
ทางเดินเท้าที่ค่อนข้างสะดวกสบาย อากาศสดชื่นจากลมทะเล ธรรมชาติเขียวชอุ่มของต้นหญ้าและดอกไม้ข้างทาง ทำให้การเดินขึ้นๆลงๆไปตามเนินที่คดเคี้ยวเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยแต่อย่างใด
ที่บริเวณปลายเเหลม มีประภาคารเล็กๆตั้งอยู่ ว่ากันว่า มีอายุมาตั้งเเต่ปี ค.ศ.1888
ไม่ไกลออกไปจากปลายแหลม จะมองเห็นกลุ่มหินเรียงเป็นแนวยาวคล้ายทางเดิน ตรงไปยังหินทรงตั้งรูปร่างคล้ายคนตามตำนานเล่าขาน…
จากปลายแหลมมองกลับไปจะเห็นทางเดินและประตูที่ผ่านเข้ามาอยู่ไกลๆ
เคล็ดลับ: ในขากลับ หลังจากผ่านประตูต้องห้ามฯ ออกมา ให้เดินเลี้ยวซ้ายไปเรื่อยๆ จะมีจุดถ่ายภาพบนเนินที่บริเวณด้านหลังของร้านค้า ซึ่งเป็นวิวที่สวยงามอันไม่ควรพลาด อีกทั้งยังเหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากจะเดินไปจนถึงปลายเเหลมอีกด้วย..
โดยส่วนตัวเราชอบที่นี่มากกก.. ในอนาคตถ้าระบบการคมนาคมขนส่งได้รับการพัฒนา เมื่อการเดินทางมาถึงยังแหลมคามูอินี้สะดวกสบายและง่ายขึ้น แหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้คงจะเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะมันมีค์ประกอบในมิติของแหล่งท่องเที่ยวครบถ้วนเลย เช่น ทิวทัศน์เขียวชอุ่มของต้นไม้ใบหญ้าและภูเขา ท้องทะเลสีคราม การได้เดิน(อย่างไม่ยากลำบากจนเกินไปนัก)ในระยะทางพอดีๆ ท่ามกลางบรรยากาศของสายลมเย็นๆ ท้องฟ้าสดใส และแสงเเดดอันอบอุ่น…
เเล้วเราจะกลับมาเยือนใหม่อีกครั้งนะ Kamui misaki \OO/
แชร์เรื่องนี้