เช้าวันที่สองอากาศสดใส ได้เวลาออกเที่ยวชมเมือง สถานที่สำคัญของเกาะปีนังส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเขตจอร์จทาวน์ สามารถใช้เวลาค่อยๆเดินเรื่อยๆไปในเเต่ละย่านได้ ถ้ามีเวลา
เขตจอร์จทาวน์รายล้อมไปด้วยบ้านเรือนเก่าแก่สวยงามมากมาย โดยมีสถาปัตยกรรมแบบจีนผสมยุโรป คล้ายกับบ้านเรือนสไตล์ชิโนโปรตุกีสในจังหวัดภูเก็ต เสน่ห์ของจอร์จทาวน์ไม่ได้มีเพียงแค่อาคารบ้านเรือนสวย ๆ เหล่านี้เท่านั้น แต่ยังมีการสอดแทรกงานศิลปะ-ภาพวาดของศิลปินยุคใหม่ ที่จะพบได้ตามกำแพงและผนังอาคารเก่าต่าง ๆ กระจายกันอยู่ทั่วเมือง ทำให้บ้านเมืองแห่งนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น จิบกาแฟโบราณยามเช้า ได้ใช้ชีวิตในบรรยากาศแบบเนิบช้าที่ไม่เหมือนกับเมืองอื่นๆอีกด้วย ทั้งนี้จอร์จทาวน์ได้รับการจดทะเบียนให้เป็น World Heritage Site โดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี 2008
เราเริ่มต้นกันที่ Chew Jetty เป็นชุมชนเก่าเเก่ของคนพื้นเมืองในอดีตซึ่งมีอาชีพประมงเป็นหลัก ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณทิศใต้ของจอร์จทาวน์ ใกล้กับ Penang Ferry Terminal บ้านเรือนต่างๆ จะเป็นอาคารไม้เก่าแก่ บรรยากาศเงียบสงบ มีร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก(ที่ว่ากันว่าราคาถูกกว่าที่อื่น) เราได้ Magnet ติดตู้เย็นมาในราคาอันละ 20 บาท^^
เดินเข้าไปเกือบสุดทาง จะเจอร้าน Big Bowl Ramen ขายราเมนชามยักษ์ แต่ไม่มีโอกาสได้ลองชิมเนื่องจากเราไปถึงแต่เช้า ร้านยังไม่เปิด
จุดสังเกตของพิกัดที่ตั้ง Chew Jetty คือศูนย์อาหาร CF Kedai Makanan Dan Minuman ป้ายสีเขียวๆซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกันคนละฟากถนน
แลนด์มาร์คถัดมาคือวงเวียนหอนาฬิกา ควีนวิคตอเรีย (Queen Victoria Memorial Clock Tower) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ Swetenham Pier (ท่าเรือเฟอร์รี่และครูซที่ข้ามไปเกาะลังกาวี)
Queen Victoria Memorial Clock Tower ถูกสร้างขึ้นในปี 1897 โดยมหาเศรษฐีชาวจีน เพื่อเป็นเกียรติแก่สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งประเทศอังกฤษ โดยออกแบบให้หอคอยมีความสูง 60 ฟุต เท่ากับจำนวนปีที่ขึ้นครองราชมานาน
ใกล้ๆกันกับวงเวียนคือ Dewan Undangan Negeri Pulau Pinang (Penang State Legislative Assembly) หรืออาคารสภานิติบัญญัติแห่งรัฐปีนัง
อาคารที่อยู่ติดกันถัดมาคือสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (Immigration)
อาคาร Department of Religious Affairs
จากตรงบริเวณ Queen Victoria Clock Tower จะมีป้ายบอกทางไป Fort Cornwallis
ป้อมปราการคอร์นเวลลิส (Fort Cornwallis) เป็นโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของปีนัง ป้อมปราการแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงยุคปี ค.ศ. 1700 โดย Francis Light โดยมีการตั้งชื่อตามผู้สำเร็จราชการของอังกฤษประจำเมืองเบงกอล คือ ชาร์ล คอร์นเวลลิส ตัวป้อมปราการมีกำแพงสูงประมาณ 10 ฟุต ภายในป้อม จะเห็นโครงสร้างดั้งเดิมบางส่วนที่มีอายุกว่าหนึ่งร้อยปี ได้แก่ โบสถ์ คุกขังนักโทษ คลังเก็บดินปืน ประภาคารซึ่งครั้งหนึ่งใช้ส่งสัญญาณแก่เรือที่เข้ามาเทียบท่า เสาธงเก่า และปืนใหญ่สำริด
จากป้อมปราการ Fort Cornwallis เลียบริมทะเลไปเรื่อยๆ จะถึง Penang Town Hall เป็นอาคารสไตล์โคโลเนียล ตั้งอยู่ด้านขวามือ เคียงคู่กับ Penang City Hall สร้างขึ้นในปี คศ.1883 อาคารทั้งสองตั้งอยู่หน้าลา
High Court Building
โบสถ์ St. George’s Church
คฤหาสน์เฉิงฟัตเจ๋อ (Cheong Fatt Tze) หรือ คฤหาสน์สีฟ้า (The Blue Mansion) ตั้งอยู่บนถนน Leith เคยเป็นคฤหาสน์เก่าแก่ของเฉิงฟัตเจ๋อ บุคคลสำคัญในสมัยที่มีการจัดตั้งเขตช่องแคบปีนัง ตัวบ้านมีสถาปัตยกรรมแบบจีนผสมผสานแบบยุโรป โดดเด่นด้วยสีฟ้าเข้ม สร้างเมื่อปี 1897 มีห้องต่าง ๆ ทั้งหมด 38 ห้อง จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่มากมาย เราไม่ได้แวะเข้าเนื่องจากคิวรอบเข้าชมเต็มไปจนถึงบ่าย
คฤหาสน์ปีนังเปรานากัน (Pinang Peranakan Mansion) ถนน Church Street เป็นอีกหนึ่งอาคารเก่าแก่ที่ปัจจุบันได้รับการบูรณะและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม ในอดีตเคยเป็นที่พักและสำนักงานของคาปิตัน ชุงเค็งกวี่ คนงานเหมืองและผู้นำองค์กรลับไห่ซานในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19
คฤหาสน์เปรานากันสร้างขึ้นในทศวรรษที่ 1890 ภายในเต็มไปด้วยโบราณวัตถุและของสะสมกว่า 1,000 ชิ้น อาคารมีเอกลักษณ์ หลายส่วนของอาคารมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีน บานประตูและหน้าต่างทำจากไม้แกะสลักแบบจีน ปูพื้นด้วยกระเบื้องแบบอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีงานหล่อเหล็กแบบสก็อตอีกด้วย เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง (ค่าเข้าชมคนละ 20 ริงกิต)
เราหยุดเติมพลังมื้อกลางวันที่ร้านติ่มซำเก่าแก่เจ้าดังของคนท้องถิ่นที่นี่ Tai Tong Restaurant สังเกตได้จากทั้งทีมงานเสริฟของร้านและบรรดาเหล่าลูกค้าที่มาใช้บริการ 🙂
กินอิ่มแล้วก็เตรียมตัวไปใช้พลังกันต่อในภาคบ่าย… “O_O”
แชร์เรื่องนี้:
Leave a reply