ปีนัง (Penang) : เป็นหนึ่งในสิบสามรัฐที่ประกอบขึ้นเป็นสหพันธรัฐมาเลเซีย เป็นเมืองท่องเที่ยวทางภาคใต้อันเป็นที่นิยม-รู้จักกันดีเพราะอยู่ใกล้-ไปมาสะดวก มีสภาพเป็นเกาะ ล้อมรอบไปด้วยทะเล
เกาะปีนังในอดีตถูกค้นพบโดย กัปตันฟรานซิส ไลท์ (Captain Fransis Light) ชาวอังกฤษ ต่อมาในปี ค.ศ.1786 กัปตันไลท์ก็ได้รับมอบเกาะปีนังจากสุลต่านแห่งรัฐเคดาห์ ในนามของบริษัทอีสต์ อินเดีย คอมพานี ด้วยการทำสัญญาว่าจะปกป้องแผ่นดินนี้จากสยามประเทศ และได้สร้างเมือง “จอร์จทาวน์” (George Town) ขึ้นมาเพื่อให้เป็นเมืองท่าปลอดภาษี ทำให้จอร์จทาวน์มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีการเปิดสอนภาษาอังกฤษเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนในสมัยนั้นคนไทยที่พอมีฐานะนิยมจะส่งลูกหลานไปเรียนที่ปีนังเพื่อให้ได้เรียนภาษาอังกฤษ
การเดินทางสู่เกาะปีนังสามารถทำได้ทั้งทางบก (รถไฟ-รถยนต์จากอำเภอหาดใหญ่) และโดยทางเครื่องบิน เราเลือกใช้บริการของแอร์เอเซีย บินจากดอนเมือง ใช้เวลาเพียงชั่วโมงครึงเศษๆเท่านั้น
กลเม็ดเคล็ดไม่ลับ: ปัจจุบันนี้ ในขณะรอขึ้นเครื่องที่สนามบินนานาชาติดอนเมือง เราสามารถไปใช้บริการห้องพักรับรองของ King Power ได้แล้ว (สำหรับผู้ที่มีบัตรสมาชิกฯ)
[รีวิว: King Power Lounge สนามบินดอนเมือง]
บินขึ้นได้สักพักก็เข้าเขตภาคใต้ของเรา มองเห็นทะเลสาบสงขลาและเกาะยออยู่ไกลๆ
บินต่ออีกพักเดียวก็เริ่มเข้าเขตประเทศมาเลเซีย
เกาะปีนังบริเวณจอร์จทาวน์และฝั่งบัตเตอร์เวิร์ต
สะพานปีนัง (Penang Bridge) ที่ทอดเชื่อมเกาะปีนัง และเมือง Butterworth ซึ่งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ มีความยาว 13.5 กิโลเมตร ความยาวเหนือระดับน้ำทะเล 8.4 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในสะพานที่ติดอันดับห้าของสะพานที่ยาวที่สุดในโลก เปิดให้ใช้งานครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 กันยายน ปี 1985
จากสนามบินปีนังซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ เราใช้บริการรถเมล์โดยสาร Rapid Penang สาย 401E ซึ่งวิ่งเข้าไปในเขตจอร์จทาวน์ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ค่าโดยสารเพียงคนละ 2.7 ริงกิต (ประมาณ 22 บาท) นับเป็นการเดินทางจากสนามบินที่ถูกที่สุดเท่าที่เคยเดินทางมา^^
รถเมล์ที่นี่สภาพใหม่ สวยงาม ติดเเอร์อย่างดี ไม่เเออัด เดินขึ้นทางประตูด้านหน้า จ่ายค่าโดยสาร(ลงกล่อง)พร้อมกับรับตั๋วจากคนขับ ตอนลงให้กดกริ่งแล้วลงทางประตูหลัง เสียดายที่ยังไม่มีระบบเเตะบัตร..
เราลงรถที่ Bus Terminal บริเวณตึก Komtar Tower อันเป็นศูนย์กลางของรถเมล์ rapid Penang สายต่างๆที่วิ่งบนเกาะ
จากท่ารถบัส เราเดินไปเช็คอินที่พักที่ Hotel Jen Penang by Shangri-La ซึ่งอยู่ติดกับ Komtar Bus Terminal เลย
(รีวิว: Hotel jen Penang by Shangri-La)
ฝากท้องมื้อเเรกที่ศูนย์อาหารบริเวณ Komtar Bus Terminal
ลองสั้งเมนูยอดฮิต ชาร์ ก๋วยเตี๋ยว (Char Koay Teow) ออกเเนวก๋วยเตี๋ยวผัดไท และ Oyster Fried อันคือหอยทอดนั่นเอง^^
อีกชามไม่รู่เรียกว่าอะไร เเต่เป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก+เส้นบะหมี่เเห้ง อร่อยดี..
กินเสร็จก็ปาเข้าไปบ่ายสามโมงแล้ว ขอเริ่มต้นง่ายๆด้วยการนั่งรถเมล์ชมเมืองละกัน จาก Komtar Bus Terminal เราขึ้นรถเมล์ rapid Penang สาย 101 (สาย 103 หรือ 104 ก็ได้) รถวิ่งวนไปมาตามย่านต่างๆ ขึ้นไปทางตอนเหนือของจอร์จทาวน์ เราโดดลงบริเวณที่เรียกว่า Gurney Drive แถวๆ ห้าง Gurney Plaza
Gurney Drive เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยม มีลักษณะเป็นชุมชนริมทะเล เป็นย่านที่มีคอนโดฯ ที่พักอาศัยตั้งอยู่หลายแห่ง (แต่เสียดายที่มีรั้วกั้นตลอดเเนวยาวของด้านริมทะเล เลยทำให้ไม่ค่อยได้กลิ่นอาย-บรรยากาศของธรรมชาติเท่าไหร่..) มี Gurney Shopping Plaza ตั้งอยู่ในบริเวณนี้
ที่ชั้นใต้ดินของ Gurney Plaza เป็นโซนศูนย์อาหาร มีร้านค้าและภัตาคารมากมาย ลองแวะชิมวาฟเฟิลเจ้านี้ดู รสชาติโอเค 😛
มีร้านอาหารไทยบุกมาหากินถึงที่นี่ด้วย
บาร์บีคิวพลาซ่าก็มา..
พระเอกของที่นี่คือศูนย์อาหารใหญ่กลางแจ้ง Anjung Gurney ซึ่งเปิดขายตั้งแต่ตอนเย็นๆไปจนถึงตอนดึก
เดินเล่นสักพัก เราก็ขึ้นรถเมล์ชมเมืองต่อ
ขากลับรถเมล์มาสุดสายที่ Weld Quay Bus Terminal อันเป็นศูนย์รวม-จุดจอดรถเมล์ใหญ่อีกแห่งหนึ่ง อยู่ทางทิศตะวันออกของจอร์จทาวน์ ใกล้ๆกับท่าเรือเฟอร์รี่
ใกล้ๆกับที่ Komtar Bus Terminal มีห้าง Prangin Mall ขายของจำพวกเครื่องไฟฟ้า อิเล็คทรอนิคส์ โทรศัพท์มือถือเเละอุปกรณ์ต่างๆ บรรยากาศคล้ายๆห้างในบ้านเรา^^
ตามรอยชิมขนมหวานเจ้าดังอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ Teochew Chendul ลักษณะเป็นลอดช่องกะทิ+น้ำตาล ใส่ถั่วแดง ร้านนี้เป็นสาขาที่เปิดอยู่บริเวณห้าง Pragin Mall
ปิดท้ายวันด้วยเมนูอาหารจีนที่คุ้นเคย ก่อนกลับไปนอนเอาแรง เพื่อมาต่อกันใหม่วันพรุ่งนี้ “O_O”
เดินไปไหนก็มองเห็น Komtar Tower ยืนเด่นเป็นสง่า รับรองไม่มีหลง^^
แชร์เรื่องนี้:
Leave a reply