29-November-24
  • Menu

อุบลราชธานี (1): ชมธรรมชาติงาม ที่สามพันโบก

Home » อุบลราชธานี (1): ชมธรรมชาติงาม ที่สามพันโบก

Loading

สามพันโบก เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งอยู่ที่อำเภอโพธิ์ไทร ห่างจากตัวเมืองอุบลฯไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 120 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นแก่งหินขนาดใหญ่ในลำน้ำโขง ที่มาของชื่อเรียก “สามพันโบก” ก็เนื่องจากบนแก่งหินนี้มีหลุมหรือแอ่ง (“โบก” ในภาษาลาว) ขนาดใหญ่น้อยจำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง

หลุมหรือโบกเหล่านี้คาดว่าเกิดจากการกัดเซาะด้วยพลังของน้ำที่ไหลวนอย่างรุนเเรงในช่วงฤดูน้ำหลาก เป็นเวลาหลายร้อยพันปีมาเเล้ว ในช่วงฤดูฝนที่มีน้ำไหลหลากมาท่วม โบกเหล่านี้จะจมหายอยู่ใต้แม่น้ำ เมื่อฤดูแล้งมาถึง “สามพันโบก” ก็จะโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นน้ำให้เห็นเป็นแก่งหินขนาดใหญ่ โดยมีลักษณะรูปทรงที่แตกต่างกันไปหลายแบบ เช่นหลุมที่มีรูปร่างเป็นรูปหัวใจ หัวสุนัข จรเข้ รูปหัวมิกกี้เม้าส์ ฯลฯ

เดือนที่เหมาะสมในการมาเที่ยวชมสามพันโบกคือประมาณปลายปีในช่วงฤดูหน้าแล้งที่น้ำในลำโขงเริ่มลดระดับลง เริ่มตั้งเเต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปจนถึงเดือนเมษา-พฤษภาคม โดยแนะนำให้จัดโปรเเกรมไปเที่ยวในช่วงเช้าหรือเย็น เพราะในเวลากลางวันจะร้อมมาก

ท่าเรือบริเวณสามพันโบก

เราสามารถชมสามพันโบกจากมุมสูงได้ที่บริเวณตลิ่ง แล้วเดินลงไปเที่ยวชมต่อยังแก่งหินต่างๆ แต่วิธีที่นิยมกันคือ เช่าเรือล่องไปตามลำน้ำโขงมายังสามพันโบก โดยเริ่มต้นที่หาดสลึงซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 4 กิโลเมตร และอาจพักค้างคืนที่บริเวณหาดสลึงด้วยก็ได้

เราเช่าเรือที่หาดสลึง (ราคาลำละ 1,000 บาท สามารถจุได้ 12 คน) ลักษณะเป็นเรือหางยาวขนาดใหญ่ กว้างขวาง ที่นั่งสะดวกสบาย อุปกรณ์ชูชีพครบครัน พร้อมไก้ด์หนึ่งคน ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 2-3 ชั่วโมง

ล่องเรือชมวิวไปตามลำน้ำโขงสักพักจนถึงสามพันโบก เรือก็จอดให้ขึ้นไปเดินชมแก่งหินกัน

หินบางก้อนถูกกัดกร่อนจนคล้ายงานแกะสลักรูปสัตว์ รูปหัวใจ รูปมิกกี้เมาส์ หัวสุนัข จรเข้ ฯลฯหรือตามแต่จินตนาการของผู้ช

จากแก่งหินสามพันโบก เรือล่องต่อไปอีกเล็กน้อยจนถึงบริเวณที่เรียกว่าหาดหินสี

หาดหินสีหรือทุ่งหินเหลื่อม เป็นแก่งที่มีกลุ่มหินลักษณะแปลกตา คือหินในบริเวณนี้แต่ละก้อนจะมีผิวเรียบเป็นมันและปะปนไปด้วยเนื้อหินสีน้าตาลคล้ายสีช็อกโกเเล็ต มีขนาดตั้งแต่ก้อนเล็กไปจนถึงก้อนใหญ่ มีจุดหนึ่งที่เป็นไฮไล้ต์ของที่นี่ คือหินที่ถูกกัดเซาะจนรูปร่างคล้ายกับเเจกันดอกไม้ จนถูกตั้งชื่อเรียกว่า เเจกันหินสี

ไก้ด์ของเราชี้ให้ดู ต้นหว้าน้ำ ซึ่งเป็นไม้ชนิดหนึ่งที่ขึ้นอยู่ตามพื้นหิน มีลักษณะเป็นกอ นอนลู่ไปในทิศที่กระเเสน้ำไหล บางต้นก็เหลือเเต่ก้าน มองผิวเผินคล้ายกับซากกิ่งไม้แห้ง และเล่าให้ฟังว่าในช่วงฤดูน้ำหลาก ต้นหว้าเหล่านี้จะถูกแช่อยู่ใต้ผิวน้ำจนมิดทั้งลำต้นและยอดเป็นเวลานานกว่า 6 เดือน เเต่ก็ยังอยู่ได้โดยไม่ตาย พอฤดูแล้งน้ำลดลงก็จะโผล่ขึ้นมาให้เห็น แล้วเริ่มผลิใบ-เจริญเติบโตต่อไปได้อย่างน่าอัศจรรย์

จุดสุดท้ายที่เรือพาเราไปขึ้นชมคือ หาดหงส์ หรือที่นักท่องเที่ยวนิยมเรียกกันว่า ทะเลทรายสามพันโบก หาดหงส์อยู่ไม่ไกลจากเเก่งหินสามพันโบก มีลักษณะคล้ายกับทะเลทรายขนาดย่อมๆ เกิดจากการการพัดพาของน้ำและนำตะกอนทรายมาทับถมกันเป็นเวลานานจนเกิดเป็นพื้นทรายกว้างใหญ่

ไม่นานนักตะวันก็เริ่มคล้อยลงต่ำจนกระทั่งตกดิน เรือพาพวกเรากลับไปส่งยังท่าเรือหาดสลึง เพื่อพักค้างคืนและเดินทางต่อไปยังผาเเต้มในวันพรุ่งนี้…

4 comments